“ประเสริฐ” สั่งใช้ศูนย์ส่วนหน้าฯ รับมือฝนถล่มภาคตะวันออก
วันที่ 17 สิงหาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ส่งผลให้หลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะในภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดจันทบุรีและตราด โดยวานนี้ (16 สิงหาคม 2568) ที่อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด มีปริมาณฝนมากกว่า 200 มิลลิเมตร (มม.) ในขณะที่อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุง และอำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี มีปริมาณฝนมากกว่า 150 มม. และยังมีแนวโน้มฝนตกหนักต่อเนื่องในภาคตะวันออกในช่วง 1-2 วันนี้
โดยเฉพาะจังหวัดตราด คาดว่าจะมีฝนสะสมในพื้นที่อำเภอเกาะกูด อำเภอเมืองตราด อำเภอเกาะช้าง และอำเภอคลองใหญ่ มากกว่า 200 มม. จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้ใช้กลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก และลุ่มน้ำบางปะกง รวมถึงศูนย์ส่วนหน้าฯ ในแต่ละพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ดูแลบรรเทาความเดือดร้อนโดยเร็ว
นอกจากนี้ ได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการตามข้อสั่งการ ในการเร่งซ่อมแซมอาคารควบคุมน้ำในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยภาพรวมผลการดำเนินงานมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอุปสรรคจากฝนตกในระยะนี้ แต่ทุกหน่วยงานยังคงเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ สำหรับการปรับปรุงซ่อมแซมคันดินในพื้นที่ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ส่วนที่ตำบลบ้านนา จังหวัดสุโขทัย มีความก้าวหน้าแล้วกว่าร้อยละ 85 คาดว่าหากฝนตกน้อยลงจะสามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ ขณะเดียวกัน ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการซ่อมเสริม
แนวคันกั้นน้ำในแม่น้ำสายที่รั่วจากครั้งก่อนแล้วทุกจุด รวมถึงเร่งซ่อมแซมจุดรูรั่วตามผนัง พื้น อาคารต่าง ๆ และเสริมแนวป้องกันน้ำด้วยกระสอบทรายขนาดใหญ่ (Big Bag) สำหรับการก่อสร้างพนังป้องกันน้ำชั่วคราว-กึ่งถาวร ความยาว 2.3 กิโลเมตร มีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 95 พร้อมทั้งอยู่ในระหว่างเร่งก่อสร้างกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็ก บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1
แต่เนื่องจากมีปริมาณน้ำในแม่น้ำสายจำนวนมากจึงต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว ในส่วนของการขุดลอกแม่น้ำรวกที่รับผิดชอบโดยประเทศไทย ได้ดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด สำหรับการขุดลอกแม่น้ำสายนั้น ช่วงที่รับผิดชอบโดยประเทศเมียนมา ขุดลอกไปแล้วประมาณร้อยละ 14 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ดำเนินการโดยประเทศไทย มีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 95 ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการในทุกจุดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ควบคู่กับการเฝ้าระวังและซ่อมแซมจุดรั่วซึมอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ