สั่งอุตฯช่วยเหลือ กลุ่มนอก‘บีโอไอ’ กระทบภาษีสหรัฐ
"พิชัย" สั่งอุตสาหกรรมเร่งสรุปรายละเอียดผลกระทบจากภาษีสหรัฐ พร้อมหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ-กองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน กระทุ้งยกระดับเร่งปรับการผลิตจากรูปแบบเก่าสู่รูปแบบใหม่ รองรับการแข่งขันในระยะยาว "สส.พปชร." จี้เปิดข้อมูลเจรจาภาษีทรัมป์ 19% ได้มาอย่างไร ต้องไม่นำความมั่นคงไปเกี่ยว มีรายการใดให้สหรัฐ 0% หวั่นกระทบเกษตรกร
เมื่อวันพฤหัสบดี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไปเร่งสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบที่ได้รับจากข้อตกลงในการเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐ ซึ่งไทยได้อัตรา 19% โดยมองว่าแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงให้เร่งสรุปมาอย่างละเอียด แล้วหลังจากนั้นจะลงไปนั่งคุยเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อหาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาได้ตรงจุดมากที่สุด
สำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหลักๆ มี 2 ส่วน คืออุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ก็จะมีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเข้าไปรองรับอยู่แล้ว เพราะตามปกติรัฐบาลต้องช่วยให้อุตสาหกรรมเป้าหมายสามารถแข่งขันได้ ส่วนอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเช่นกันคือ อุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ ตรงนี้อยู่ระหว่างการเร่งพิจารณาว่าจะดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างไร
ทั้งนี้ แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบที่ไม่เหมือนกัน เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ก็จะได้รับผลกระทบแบบหนึ่ง กลุ่มอาหารสำเร็จรูปก็จะได้รับผลกระทบอีกแบบหนึ่ง ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะได้รับผลกระทบอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนบางกลุ่มอาจจะได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีกำไรเยอะ ดังนั้นจึงสั่งให้แต่ละกลุ่มไปจัดทำรายละเอียดมาว่าแต่ละส่วนจะได้รับผลกระทบอย่างไร หลังจากนั้นอาจจะต้องลงไปคุยเป็นรายคน
“กลุ่มที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอนั้น ตอนนี้กำลังดูรายละเอียดอยู่ว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการทั้งหมดผ่านกลไกของบีโอไอได้หรือไม่ เนื่องจากบีโอไอก็มีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะขยายขอบเขตกลไก โดยเพิ่มกลุ่มที่ไม่ได้รับการส่งเสริมเข้าไปจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ อาจจะต้องไปดูเป็นรายคน ดังนั้นผู้ประกอบการก็ต้องยื่นรายละเอียดเข้ามาว่าทำไมได้รับผลกระทบแบบนี้”
นายพิชัยกล่าวอีกว่า ภาคอุตสาหรรมของไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโดยเพิ่มขีดความสามารถในทุกมิติ เพื่อรองรับการแข่งขันในระยะยาว โดยต้องเปลี่ยนจากการผลิตแบบเก่า (Old Product Platform) โดยต้องยกระดับให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในส่วนนี้อาจจะต้องแยกการให้ความช่วยเหลือ หรือการสนับสนุนออกมาต่างหาก โดยอาจจะต้องขอกลับไปพิจารณากลไกในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อนว่ามีเยอะหรือน้อยแค่ไหน ในส่วนของหลักเกณฑ์การคำนวณมูลค่าในประเทศ (Regional Value Content : RVC) ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนจึงยังตอบอะไรไม่ได้ โดยคงต้องรอดูความชัดเจนจากทางสหรัฐ ว่าจะกำหนดสัดส่วน RVC นี้อย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าทางสหรัฐเองก็อาจจะยังไม่ตกผลึกเรื่องนี้เหมือนกัน
"ยืนยันว่าภายหลังบรรลุการเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐแล้ว ไม่ต้องมีการลงนามในแถลงการณ์ร่วม (Join Statement) เนื่องจากในส่วนนี้ไม่ใช่นโยบาย เป็นเพียงการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันว่าจะทำอะไรบ้าง แต่ในส่วนของข้อตกลง (Agreement) ระหว่างไทยกับสหรัฐ ที่จะต้องมีการลงนามร่วมกันนั้น จะต้องมีการนำเข้าไปรายงานสภาก่อน เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ มีเงื่อนไขที่สำคัญ เช่น ให้ข้อเสนอสิ่งนี้ด้วยเงื่อนไขอะไร ให้ข้อเสนอสิ่งนั้นด้วยเงื่อนไขอะไร จึงต้องรายงานให้สภารับทราบด้วย" นายพิชัยกล่าว
ที่รัฐสภา นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงว่า กรณีภาษีทรัมป์ที่เป็นที่ทราบกันว่าประเทศไทยต้องเสียภาษีนำเข้าสหรัฐ 19% ซึ่งไม่แตกต่างกับประเทศอาเซียนที่ได้ 19% เหมือนกัน ยกเว้นลาวและพม่า ซึ่งภาษีทรัมป์นั้นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างยิ่งทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เราดีใจด้วยที่ประเทศไทยได้ 19% แต่การได้มาซึ่ง 19% นั้น เราอยากทราบข้อเท็จจริง เราอยากรู้เบื้องหลัง พรรคพปชร.แสดงจุดยืนอย่างชัดเจน โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ว่าการเจรจาภาษีครั้งนี้จะต้องไม่นำความมั่นคงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และยังมีข้อกังวลถึงการไม่เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาจากรัฐบาลกรณีที่มีความมั่นคงเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ และมีรายการใดบ้างที่เราให้สหรัฐอเมริกา 0% เพราะประเทศไทยจะกระทบเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะภาคการเกษตร ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นความสำคัญอย่างยิ่ง
นายชัยมงคลกล่าวว่า รัฐบาลจะต้องรีบออกมาประกาศทำความเข้าใจกับประชาชน 0% กระทบแบบไหนอย่างไร และมีวิธีแก้อย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องนี้กฎหมายระบุไว้ว่า รัฐบาลต้องนำเข้าสภาเพื่อให้พิจารณาภายใน 60 วัน สิ่งที่รัฐบาลต้องเปิดเผยคือข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนรับทราบ ให้ สส.และ สว.ได้รับทราบ เพื่อนำไปถกแถลงแสดงเหตุผลกันอีกครั้งหนึ่ง ไม่ควรกระทำการใดๆ ที่ไม่โปร่งใสเพื่อรักษาอำนาจรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
"ความโปร่งใสของรัฐบาลมีหรือไม่ อาจจะโพนทะนาว่า 19% คือความสำเร็จของรัฐบาลและทีมเจรจานั้น ผมไม่เชื่อ เพราะคนที่ทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นในครั้งนี้คือทรัมป์โทร.หาท่านภูมิธรรม โทร.หาฮุน มาเนต แล้วนำมาสู่ 19% แล้วทีมเจรจาเรานั้นล้าหลัง และในระนาบ 19% นั้นเป็นโจทย์ในใจที่เราก็รู้ว่ายังไงก็ได้ 19% รัฐบาลจะตีกินไม่ได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องชี้แจงกับประชาชนคือภาษีนำเข้า 0% ซึ่งกระทบครัวเรือนอย่างมาก" นายชัยมงคลกล่าว.