ไทยระวังไว้!สื่อชี้เขมรต้านโดรน-เครื่องบินรบไม่ไหวหมดทางสู้ แนะยกระดับเตรียมพร้อมสงครามโดรน
การปรากฏตัวของโดรนทางทหาร ประกอบกับความพร้อมของไทยในการเปิดฉากโจมตีทางอากาศด้วยเครื่องบินขับไล่ F-16 ตอกย้ำถึงความแตกต่างอย่างมโหฬารระหว่างกองกำลังกัมพูชาและกองทัพที่ใหญ่กว่าและมั่งคั่งกว่าของชาติเพื่อนบ้าน ตามรายงานของคิริโพสต์ สื่อมวลชนเขมรภาคภาษาอังกฤษ พร้อมแนะให้กัมพูชามุ่งหน้าสู่การพัฒนาศักยภาพด้านโดรนเป็นสำคัญ
ในรายงานพาดหัว A New Kind of War: F-16s, Drones, and the Collapse of Trust Between Cambodia and Thailand ของเว็บไซต์ข่าวคิริโพสต์ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ระบุว่า แม้กัมพูชามีประสบการณ์มากมายอย่างมากในการสู้รบ จากสงครามครั้งนองเลือดต่างๆนานาในประเทศในช่วงศตวรรษที่ 20 แต่การลงทุนของไทยในด้านเทคโนโลยีและการเตรียมพร้อมทางทหาร แสดงให้เห็นถึงหลักประกันของความได้เปรียบ โดยสามารถเห็นหลักฐานได้จากการที่ไทยสามารถส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นปฏิบัติการได้ภายในไม่กี่นาทีหลังการสู้รบปะทุขึ้น
คิริโพสต์อ้างอิงรายงานของรอยเตอร์ ที่อ้างข้อมูลจากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษากลยุทธ์ ( IISS )ในลอนดอน ระบุว่ากองทัพกัมพูชามีขนาดเล็กกว่าอย่ามากและมีงบประมาณเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไทย
ในปี 2024 งบประมาณกลาโหมของกัมพูชาอยู่ที่ 1,300 ล้านดอลลาร์ และมีกำลังพลประจำการ 124,300 นาย โดยกองทัพบกเป็นกองกำลังที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ยุทโธปกรณ์ของพวกเขามีทั้งรถถังประจันบาญ 200 คันและปืนใหญ่ราวๆ 480 กระบอก
ส่วนกองทัพอากาศ มีบุคลากร 1,500 นาย แต่มีเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงและอเนกประสงค์ฝูงบินเล็กๆ ไม่มีเครื่องบินขับไล่แต่อย่างใด ตามรายงานของรอยเตอร์ ขณะที่กองทัพเรือของกัมพูชาก็มีขนาดจิ๋วเช่นกัน มีบุคลากร 2,800 นาย และมีเรือลาดตระเวรและเรือต่อสู้อยู่จำนวนเล็กน้อย
ในฐานะพันธมิตรนอกนาโตที่สำคัญของสหรัฐฯ ไทยมีกองทัพที่ใหญ่กว่าและมียุทโธปกรณ์เหนือชั้นกว่ามาก ทั้งทางบก ทะเลและอากาศ ในปี 2024 งบประมาณกลาโหมของไทยอยู่ที่ 5,730 ล้านดอลลาร์ มีทหารประจำการ 360,000 นาย โดยกองทัพบกกำลังพลมี 245,000 นาย รถถังราว 400 คันและปืนใหญ่ 2,600 กระบอก ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามีกองบินของตนเอง ตามรายงานของคิริโพสต์อ้างอิงข้อมูลจากรอยเตอร์
กองทัพอากาศไทยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนดีที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีบุคลากร 46,000 นายและอากาศยานศักยภาพสู้รบ 112 ลำ ในนั้นรวมถึง F-16 จำนวน 28 ลำ และกริพเพน จำนวน 11 ลำ
แสนยานุภาพของกองทัพเรือไทยก็ไม่น้อยกว่า เหนือกว่าทางกัมพูชามาก โดยมีบุคลากรเกือบ 70,000 นาย กองเรือของพวกเขารวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่ง เรือฟริเกต 7 ลำ และเรือลาดตระเวน 68 ลำ
รายงานข่าวระบุว่าข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้แล้ว แต่เวลานี้โดรนเริ่มเป็นบ่อเกิดแห่งความกังวลสำหรับทั้ง 2 ประเทศ ในขณะที่โดรนกลายมาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในสมรภูมิรบยุคใหม่ ไล่ตั้งแต่ยูเครน ไปจนถึงตะวันออกกลาง และจากซูดาน มาจนถึงพม่า
จากคลิปวิดีโอและข้อมูลที่้เปิดเผยต่อสาธารณะ พบว่าทั้งไทยและกัมพูชาต่างใช้โดรนสอดแนมในความขัดแย้งนี้ อย่างไรก็ตามในส่วนของไทยยังมีการใช้โดรนโจมตีแบบทางเดียว(one-way attack หรือ OWA) และโดรนโจมตีชนิดอื่นๆ ตามรายงานของคิริโพสต์ อ้างอิงความเห็นของมาร์เซล พลิชตา อดีตนักวิเคราะห์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามโดรน
พลิชตา บอกกับคิริโพสต์ว่าไทยลงทุนอย่างมากในด้านโดรน บางส่วนสืบเนื่องจากแนวโน้มการศึกสงครามทั่วโลก และบางส่วนเป็นการตอบสนองต่อความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ดินแดนที่มีการใช้โดรนอย่างกว้างขวาง
"ผมไม่อาจแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพร้อมโดยรวมของกัมพูชาในแง่ของสงครามภาคพื้น แต่มันมีโอกาสสำหรับการปรับปรุงความพร้อมสำหรับสงครามโดรน" พลิชตากล่าว พร้อมระบุว่าผู้นำกัมพูชา อาจต้องจัดซื้อ และเป็นไปได้กระทั่งผลิตเอง เพื่อให้มีโดรนเพียงพอต่ออุปสงค์ภารกิจสอดแนมและการโจมตีที่จำเป็นในอนาคต
เพลิชตา เน้นย้ำว่าการลงทุนอย่างมากในระบบต่อต้านโดรน( counter-drone systems หรือ CUAS) ก็เป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญ พร้อมอ้างอิงวิจัยของเขาเอง ระบุว่าระบบเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งที่จะทำให้มันเป็นเรื่องยากสำหรับศัตรูที่จะใช้โดรนเล่นงานกองกำลังทางภาคพื้น
โครงการโดรนขนาดใหญ่มีความจำเป็นในด้านการลงทุนน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับฝูงบินหนึ่งๆ อย่างเช่นฝูงบิน F-16 แม้ประสิทธิภาพด้อยกว่าก็ตาม เขากล่าว พร้อมระบุว่าการเข้าถึงโดรนเคยช่วยเปิดทางให้ตัวละครที่มีแสนยานุภาพน้อยกว่า อย่างเช่นยูเครน, กบฏฮูตีในเยเมนและกลุ่มกบฏต่างๆในพม่า บูรณการโดรนเข้าสู่กองกำลังของพวกเขาอย่างเดียวกัน
แม้กองทัพกัมพูชาไม่ได้เผชิญแรงกดดันเท่ากับยูเครนหรือกลุ่มต่างๆเหล่านั้น แต่พวกเขาก็เหมาะสมมากที่จะทำแบบเดียวกัน เพลิชตาระบุ
อย่างไรก็ตาม เพลิชตา เตือนพวกผู้นำกัมพูชาว่าต้องระมัดระวังอย่างมากในการพิจารณาเลือกชาติคู่หูในการจัดซื้อโดรน ในขณะที่ประเทศต่างๆ อย่างเช่นตุรกี, จีน, สหรัฐฯ และอิสราเอล เป็นชาติผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง แต่ก็เป็นตัวเลือกที่มีผลกระทบทางการเมืองเช่นกัน
(ที่มา:คิริโพสต์)
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO