อ่วม! เศรษฐี ยัน ยาจก เศรษฐกิจไทยแย่
มุมมองที่น่าสนใจจากสภาพัฒน์ซึ่งได้ฉายภาพเศรษฐกิจไทยล่าสุด โดยชี้ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สอง ของปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 2.8 ขณะที่ครึ่งแรกของปีเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 3.0
เศรษฐกิจไทยทั้งปี มีแนวโน้มขยายตัวในช่วงร้อยละ 1.8 - 2.3 โดยมีค่ากลางการประมาณการ ร้อยละ 2.0 ชะลอลงจากร้อยละ 2.5 ในปี 2567 และมองว่า เศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัดและความเสี่ยง จากภาระหนี้สินของครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ความผันผวนของราคาและผลผลิตภาคการเกษตร และความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการค้าโลก
อย่างไรก็ดี สภาพัฒน์ ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากการ เพิ่มขึ้นของรายจ่ายลงทุนภาครัฐการขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ และการปรับตัวดีขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน ส่วนมูลค่าการส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 5.5 แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบจากอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ และแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกจะเริ่มส่งผลกระทบต่อ ภาคการส่งออกของไทยมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
ขณะที่ "นายดนุชา พิชยนันท์" เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า หากจะให้เศรษฐกิจไทยกลับไปในระดับศักยภาพที่ 3% นั้นจะต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และเรื่องนี้ไม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปี ดังนั้น เรื่องมาตรการภาษีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้ไทยปรับโครงสร้างการผลิตของประเทศ เพื่อสร้างซัพพลายเชนให้กว้างขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะทำให้ไทยเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ได้คุยกับ "ดร.ธนิต โสรัตน์" รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการการค้า และอุตสาหกรรมไทย ถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดย "นายธนิต" ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง อันเนื่องมาจากความเสี่ยงของภาษีทรัมป์ที่ยังไม่ออกฤทธิ์ รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา
อีกทั้งการเมืองไทยไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่มาบริหารประเทศ และยอมรับว่ายังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้ถึง 3% หรือ 3.5% ตามที่ "นายพิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เคยกล่าวไว้เลย
"จีดีพีเราที่คุณพิชัย บอกว่าจะโต 3%, 3.5% ผมบอกปีที่แล้ว โต 2.5% และปีนี้มันมีปัจจัยอะไร ที่ดีกว่าปีที่แล้ว มันแย่กว่าปีที่แล้ว ทุกปัจจัยเลย เค้าก็ยังคาดการณ์ว่าอย่างเก่งไม่เกิน 2% หรือประมาณ 2% นี่คิดในเชิงบวกแล้ว"
"นายธนิต" กล่าวย้ำว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้หนัก เพราะสิ่งที่จะตามมาก็คือ การลดกำลังการผลิต ซึ่งจะลามไปสู่ภาคครัวเรือน
"หนัก หนัก หนัก และที่จะมาก็คือ ลดกำลังการผลิต ก็เกิดสภาพคล่อง ซึ่งสภาพคล่องมาจากธุรกิจ ก็จะลามไปครัวเรือน และก็จะเกิดทุกย่อมหญ้า งวดนี้ มันก็เล่นกันตั้งแต่เศรษฐียันยาจกเลย"
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาสถานการณ์การเมืองรวมทั้งปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด เพราะทุกการขยับ ทุกการเคลื่อนไหว ย่อมส่งผลต่อจีดีพีไทยนั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews