คลังเปิดตัวโครงการ TouristDigiPay ให้นักท่องเที่ยวใช้คริปโทฯ แลกเงินบาทใช้จ่าย ดันรายได้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโต 1.75 แสนล้านบาท
BTimes
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 0.38 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่สำคัญ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัว “โครงการ TouristDigiPay” อย่างเป็นทางการ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถือครองอยู่เป็นเงินบาท เพื่อใช้ชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าต่าง ๆ ในประเทศไทยได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยกระบวนการทั้งหมดจะดำเนินการผ่านผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. และผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการผสานศักยภาพของเทคโนโลยีทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว
โครงการ TouristDigiPay ริเริ่มขึ้นจากความตระหนักถึงบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในมิติของการสร้างรายได้ การส่งเสริมการจ้างงาน และการกระจายเม็ดเงินสู่เศรษฐกิจฐานรากในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น ประกอบกับภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนักท่องเที่ยวยุคใหม่มีพฤติกรรมในยุคดิจิทัลอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อวางแผนการเดินทาง การชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และความนิยมในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น โครงการนี้จึงเป็นการต่อยอดระบบนิเวศทางการเงินที่มีอยู่เดิมให้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ระหว่างระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งกำกับดูแลโดยสำนักงาน ก.ล.ต. และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งกำกับดูแลโดย ธปท. เพื่อตอบสนองต่อโอกาสใหม่ ๆ และความท้าทายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสมัยใหม่
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบและมีกลไกป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะสม โครงการ TouristDigiPay จึงดำเนินการในรูปแบบโครงการทดสอบภายใต้ Sandbox โดยมีระยะเวลาเบื้องต้น 18 เดือน ซึ่งหลังสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว จะมีการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อพิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ โครงการ TouristDigiPay ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) กับร้านค้าไม่ว่าทั้งทางตรงหรือทางอ้อม โดยร้านค้าต่าง ๆ จะยังคงได้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นสกุลเงินบาทตามปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและผู้ให้บริการ e-Money ที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามที่สำนักงาน ปปง. กำหนดอย่างเคร่งครัด ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งในการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (Know Your Customer: KYC) การประเมินความเสี่ยงของลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD) ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมดูแลและป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน
คาดว่า โครงการดังกล่าวเชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มเติมช่องทางการใช้จ่ายเงินให้กับนักท่องเที่ยวให้สะดวกขึ้น เบื้องต้นกำหนดค่าใช้จ่ายไม่เกิน 550,000 บาทต่อเดือน รายใหญ่ 500,000 บาท รายเล็ก 50,000 บาท และใช้จ่ายต่อครั้งไม่เกิน 100,000 บาท และไม่ผูกกับเครดิตการ์ด โดยเชื่อว่าเมื่อประกาศใช้แล้วจะบรรลุวัตถุประสงค์เป็นประโยชน์กับผู้ใช้งานและช่วยทำให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโต เพราะหากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยปีละประมาณ 35 ล้านคน เฉลี่ยการใช้จ่ายประมาณ 50,000 บาทต่อคน โครงการนี้จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้ใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 10% หรือเฉลี่ยประมาณ 5,000 บาทต่อคน จะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นประมาณ 1.75 แสนล้านบาท