วัดเครือวัลย์ฯ ปฏิเสธให้ข้อมูลปมเงิน 65 ล้าน หวั่นกระทบคดี
จากกรณีวัดเครือวัลย์วรวิหาร ถูกบุคคลภายในวัดทำการปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส ลักทรัพย์แอบถอนเงินออกจากบัญชีวัดทั้ง 3 บัญชีกว่า 240 ครั้ง รวมไปถึงเงินทำบุญเข้าวัดจากกองทัพเรือ จำนวน 1,525,305.28 บาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน 2567 เป็นเงินกว่า 65 ล้านบาท
โดยตัวแทนเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหารฝ่ายกฎหมายและตัวแทนจากธนาคาร จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม กก.1 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีกับนายกฤษณ์ ไวยาวัจกร และนายชัยณรงค์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเรื่องดังกล่าว นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการพุทธศาสนา ได้ออกมาเปิดเผยผ่านทางโซเชียลทำให้คดีนี้ถูกจับตามองจากสังคม
ล่าสุด ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ วัดเครือวัลย์วรวิหาร เพื่อสอบถามเรื่องนี้กับทางวัด เมื่อทีมข่าวไปถึงพบลูกศิษย์แต่งชุดนอกคล้ายเจ้าหน้าที่ทหารเรือ คอยดูความเรียบร้อยอยู่ภายในวัดและหน้ากุฏิเจ้าอาวาส ห้ามไม่ให้ใครเข้าไปด้านใน ทีมข่าวจึงได้ปฏิบัติตามและเก็บภาพบรรยากาศภายในวัดเพื่อไปนำเสนอข่าวเพียงเท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าทางพระเลขาเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า คดีดังกล่าว ได้แจ้งดำเนินคดีไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมากับทางกองบังคับการปราบปราม ซึ่งในตอนนี้อยู่ในขั้นส่งฟ้องอัยการ ทางวัดจึงไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชนได้ เพราะเกรงว่า จะไปกระทบต่อรูปคดี
ขณะที่ทางวัดเครือวัลย์วรวิหารได้ออกแถลงการณ์ กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ของวัดเครือวัลย์ โดยอดีตไวยาวัจกรกับพวกฯ ปรากฏทางสื่อต่างๆ นั้น ขอแจ้งให้พุทธบริษัทวัดเครือวัลย์วรวิหารและสาธารณชนทราบข้อเท็จจริง ดังนี้
1.เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และวัดเครือวัลย์ได้มีคําสั่งให้ นายกฤษณ์ อุรัสยะนันท์ อดีตไวยาวัจกร พ้นจากตําแหน่ง รวมถึงนายชัยณรงค์ นพรัตน์ ที่อ้างตนเองเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกร ให้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเอกสารธุรการวัดเครือวัลย์ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
2. ขอแจ้งว่า พฤติการณ์แห่งการกระทําความผิด ของผู้มีรายนามข้างต้น ประกอบด้ วยการ ปลอมแปลงเอกสาร แสดงเอกสารอันเป็นเท็จต่อบุคคลภายนอก และการฉ้อโกง ซึ่งเป็นการกระทําความผิดโดยที่ วัดเครือวัลย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
3. ในทันทีที่วัดเครือวัลย์ได้ทราขพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดข้างต้น ได้แจ้งความ ดําเนินคดีไปโดยไม่ล่าข้าตั้งแต่ พ.ศ. 2566 แล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นเจ้าพนักงานตํารวจ และอยู่ระหว่างดําเนิน กระบวนการทางกฎหมายเพื่อนําตัวผู้กระทําความผิดมาลงโทษ ซึ่งวัดเครือวัลย์ได้ให้ความร่วมมือต่อเจ้าพนักงาน ตามกฎหมายอย่างเต็มที่
4. โดยความอนุเคราะห์ของเจ้าพนักงานตํารวจ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ดําเนินการอายัติทรัพย์สินของผู้กระทําผิด ตลอดจนบุคคล ผู้เกี่ยวข้องได้ และอยู่ระหว่างติดตามทรัพย์สินที่ถูกทุจริตคืนจนกว่าจะถึงที่สุดต่อไป
5. เจ้าอาวาสได้แต่งตั้งคณะไวยาวัจกรชุดใหม่เพื่อปฏิบัติหน้าที่แล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ.2567 ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย พุทธศิลปสถาปัตย์ การเงินบัญชี เป็นต้น เพื่อปฏิบัติหน้าที่และกลั่นกรองเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยรัดกุม รวมถึงให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่