ศิริกัญญา แนะรัฐปรับลดงบอีก เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ ด้าน ไอติม จวกงบซ้ำซ้อน 3 ระดับ หวั่นไม่เหลืองบแก้ปัญหาปชช.
13 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1) มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2 และ 3 โดยเริ่มต้นที่มาตรา 4 ซึ่งเป็นภาพรวมของงบประมาณรายจ่ายทั้งฉบับ
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ได้อภิปรายเรียกร้องให้มีการปรับลดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 50,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 3,780,600 ล้านบาท เหลือ 3,730,600 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงชายแดน จำเป็นต้อง เก็บกระสุน ไว้ใช้ในยามจำเป็น ไม่ใช่ผลาญงบโดยไม่จัดลำดับความสำคัญ
ศิริกัญญาระบุว่า ข้อมูลจากสภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ว่า GDP ปี 2569 จะเติบโตเพียง 1.6% ลดลงจากตัวเลขเดิมที่เคยคาดไว้ 2.8% ทำให้รายได้ภาษีลดลงตามไปด้วย ขณะที่งบกลางเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท ไม่สอดรับกับภาวะที่ประเทศกำลังจะเข้าสู่ภาวะ 3 เสี่ยง ด้านรายได้ รายจ่าย และหนี้สาธารณะ
เรากำลังเข้าใกล้เพดานหนี้สาธารณะเกิน 70% ของ GDP และมีแนวโน้มว่าปลายปี 2569 อาจต้องออก พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มอีก เพื่อพยุงเศรษฐกิจ เธอกล่าว พร้อมเปรียบเทียบกับช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่รัฐบาลเคยจัดสรรงบกลางไว้ถึงกว่า 30,000 ล้านบาท แต่ครั้งนี้กลับดู ไม่รู้สึกรู้สา ต่อวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้น
จากนั้น นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นอภิปรายต่อในมาตราเดียวกัน โดยเน้นปัญหา ความซ้ำซ้อนของงบประมาณ ที่ฝังอยู่ในทุกระดับของระบบราชการ ซึ่งทำให้งบประมาณจำนวนมากไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพจริง
พริษฐ์ชี้ว่า ประเทศไทยไม่ได้ขาดแคลนงบประมาณ แต่ขาดความสามารถในการใช้งบอย่างตรงจุด ยกตัวอย่างเช่น งบสำนักงานหรู แอปพลิเคชันไม่จำเป็น งบอบรมสัมมนาที่ไม่มีผลลัพธ์ รวมถึงการจัดงบโครงการที่ทับซ้อนกันเอง เช่น แพลตฟอร์มยกระดับทักษะแรงงานที่มีถึง 12 แพลตฟอร์มใน 5 กระทรวง แต่ไม่มีการควบรวม หรืองบประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์ของกรมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งควรเป็นหน้าที่ของกรมส่งเสริมการค้าฯ
เขาแบ่งความซ้ำซ้อนออกเป็น 3 แบบ:
แยกกันทำ - หลายหน่วยงานจัดทำโครงการลักษณะเดียวกันโดยไม่ประสานร่วมกัน
แย่งกันทำ - หน่วยงานขยายบทบาทเกินภารกิจหลัก จนไปซ้ำกับภารกิจของหน่วยงานอื่น
ย้ายออกไปทำ - ตั้งหน่วยงานใหม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานเดิม เช่น การตั้งหน่วยวางแผนแยกจากสำนักงานปลัดกระทรวง
พริษฐ์สรุปว่า หากไม่มีการแก้ปัญหาความซ้ำซ้อนเหล่านี้ ประเทศอาจไม่มีงบเพียงพอในการแก้ปัญหาสำคัญให้ประชาชน และไม่มีความคล่องตัวพอในการรับมือกับวิกฤตใหม่ที่กำลังถาโถมเข้ามา