รถไฮบริด-อีโคคาร์ โดนขึ้นภาษีปี 2569 โตโยต้า หวั่นราคาขยับ กระทบตลาด
จากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 โดยกลุ่มรถยนต์นั่งเช่น อีโคคาร์ เดิมเสีย 12% จะขยับเป็น 13% และรถฟูลไฮบริด เดิมเสีย 4% จะเพิ่มเป็น 6% (ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัม/กม. เข้าโครงการ BOI)
สำหรับตลาดอีโคคาร์ 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ค. 68) มียอดขายรวม 71,000 คัน ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันดับหนึ่งยังเป็นของ Toyota Yaris Ativ ที่ทำได้กว่า 30,000 คัน
ปัจจุบันเซกเมนต์อีโคคาร์ มียอดขายเป็นอันดับ 2 ในตลาดรวม รองจากกลุ่มเอสยูวี เหนืออื่นใดหลังจบปี 2568 รถยนต์นั่งทุกประเภทจะถูกนำมาใส่ตะกร้ารวม ขีดเส้นไว้ที่เครื่องยนต์ไม่เกิน 3.0 ลิตร แล้วจะคิดภาษีสรรพสามิตตามการปล่อยไอเสีย ซึ่งสิทธิประโยชน์อีโคคาร์จะจบลงอย่างเป็นทางการ
โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ หากเป็นอีโคคาร์(รถยนต์นั่ง) เครื่องยนต์ ICE จะเสียภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้น 1% และเพิ่มอีก 1% ในปี 2571 จากนั้นขยับอีก 1% ในปี 2573 หรือค่อยๆ ขึ้นเป็นขั้นบันได แต่กรณีรถกลุ่มนี้ใช้ขุมพลังไฮบริด จะเสียภาษีสรรพสามิตถูกกว่ากันเท่าตัว (เริ่มต้นที่ 6% ในปี 2569)
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ มีผลบังคับใช้ต้นปี 2569 โดยกลุ่มอีโคคาร์ และไฮบริด ภาษีจะขึ้น 1% และ 2% ตามลำดับ ซึ่งโตโยต้ากำลังศึกษาว่าจะต้องขึ้นราคารถหรือไม่
“ตอนนี้เราพูดคุยกันเองเป็นการภายใน และเตรียมหารือกับภาครัฐถึงประเด็นภาษีสรรพสามิตใหม่ ว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือเปล่า(ที่จะเริ่มใช้) จากสภาพตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน”
ในส่วนเซกเมนต์อีโคคาร์ 7 เดือนที่ผ่านมา ตกไป 4% แต่โตโยต้า ยังเติบโต 9% โดยมี Toyota Yaris Ativ เป็นรุ่นหลัก ส่วนรุ่นไฮบริด HEV ตั้งเป้าหมายยอดขายภายใน 12 เดือนแรกไว้ 20,000 คัน
“ช่วงแรกของการแนะนำ Toyota Yaris Ativ HEV ยอดขายน่าจะมีสัดส่วน 30% (ที่เหลือเป็น Yaris Ativ เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร) แต่ในระยะยาวจะรักษาระดับไว้ที่ 20%”
ขณะที่ค่ายจีนเปิดตัวรถปลั๊ก-อินไฮบริด (BYD SEAL 5) โตโยต้าไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรง เพราะมีกลุ่มลูกค้าแยกกันชัดเจน Toyota Yaris Ativ HEV จะเป็นลูกค้าที่ซื้อรถยนต์คันแรก ได้ความประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องคิดเรื่องการชาร์จไฟ และมีความสบายใจตลอดอายุการใช้งาน
“เรามั่นใจว่า Toyota Yaris Ativ HEV เป็น Best in Class ในระดับรถเล็ก ทั้งสมรรถนะที่โดดเด่น ฟังก์ชันครบถ้วน และอัตราบริโภคน้ำมัน 29.4 กม./ลิตร (ตามอีโคสติกเกอร์) ที่คำนวณเป็นค่าใช้จ่ายต่อหน่วยการวิ่งจากราคาน้ำมันในปัจจุบัน ก็ตกกิโลเมตรละบาทกว่าๆ ถือว่าประหยัดมาก แถมยังมีความสมเหตุสมผลในการใช้งาน ได้ความสบายใจจากการใช้รถยนต์โตโยต้า ที่มีอะไหล่พร้อม และศูนย์บริการกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ” นายศุภกร กล่าวสรุป
Toyota Yaris Ativ HEV ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 111 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 0.7 kWh อัตราบริโภคน้ำมัน 29.4 กม./ลิตร แบ่งเป็นรุ่น Premium และครั้งแรกกับการนำเสนอรุ่น GR SPORT ในรถระดับ Entry Level ของโตโยต้า
โดย Yaris Ativ HEV GR-S เพิ่มสเกิร์ตด้านหน้า-ข้าง-กันชนหลัง และสปอยเลอร์หลัง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ปรับเซ็ตช่วงล่างและการควบคุมให้มีอารมณ์สปอร์ตกว่ารุ่น HEV Premium และตัว ICE เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร
สำหรับ Toyota Yaris Ativ HEV GR Sport มีให้เลือก 3 สีคือ ขาว แดง ดำ และภายในโทนสีดำ แต้มแต่งด้วยสัญลักษณ์ GR เช่น หมอนรองศีรษะคู่หน้า และพวงมาลัย
Toyota Yaris Ativ HEV แบ่งการขายเป็น 2 รุ่นย่อย ทำราคาพิเศษช่วงเปิด ส่วนลด 1 หมื่นบาท ถึงสิ้นปีนี้
- Toyota Yaris Ativ HEV Premium ราคา 7.19 แสนบาท
- Toyota Yaris Ativ HEV GR-Sport ราคา 7.69 แสนบาท
Toyota Yaris Ativ HEV ยังมีแผนส่งออกไปใน 28 ประเทศ ซึ่งโตโยต้า ยอมรับว่ายอดขายโดยรวมในประเทศลดลง แต่สามารถรักษาระดับการผลิตเพื่อส่งออกเอาไว้ได้ โดยกลุ่มอีโคคาร์รุ่น ICE ใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 73% ไฮบริด 65% ขณะที่ปิกอัพเกิน 90% ล้วนมีผลต่อซัพพลายเชน อุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม และเดือนพฤศจิกายนนี้ เตรียมเปิดตัว Toyota Hilux โฉมใหม่ ที่มีทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล และพลังงานไฟฟ้า 100%