โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

"SCB EIC" มอง "เศรษฐกิจไทย" ไม่แย่ แต่เสี่ยงเติบโตต่ำต่อเนื่อง แนะเร่งขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“SCB EIC” มอง “เศรษฐกิจไทย” ไม่แย่ แต่เสี่ยงเติบโตต่ำต่อเนื่อง แนะเร่งขีดความสามารถการแข่งขันระยะยาว

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 ขยายตัว 1.8% (จากเดิม 1.5%) และปี 69 เพิ่มเป็น 1.5% (จากเดิม 1.2%) โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเร่ง Front-loading สินค้าส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี ก่อนสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าสูงขึ้นมาก

  • สอดคล้องกับข้อมูลเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/68 ที่ประกาศออกมา ขยายตัวได้ 2.8%YOY สูงกว่าที่ประเมินไว้เล็กน้อย จากการเร่งส่งออกสินค้า และการลงทุนภาคเอกชนที่กลับมาขยายตัว ส่วนหนึ่งจากฐานต่ำ และจากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ของไทยที่เจรจาได้ต่ำกว่าคาดเหลือ 19% ใกล้เคียงคู่แข่งหลักในตลาดสหรัฐฯ ช่วยให้แนวโน้มส่งออกและลงทุนปรับดีขึ้นบ้าง

ในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังอาจขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 1% ซึ่งเป็นการชะลอลงมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และต่อเนื่องไปถึงปี 69 โดยแรงส่งหลักที่จะแผ่วลง คือ

1. การส่งออกจะหดตัวแรง โดยเฉพาะหลังหมดผล Front-loading ในตลาดสหรัฐฯ และความต้องการสินค้าไทยจะลดลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ เริ่มเก็บจริง

2. การท่องเที่ยวจะชะลอตัว SCB EIC ปรับลดประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 68 เหลือ 32.9 ล้านคน และจะทยอยฟื้นตัวในปี 69 โดยความขัดแย้งบริเวณชายแดน อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวยังมีความท้าทายจาก Tourism war และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ชะลอลง

3. การลงทุนภาคเอกชน แม้ขยายตัวดีในไตรมาส 2/68 แต่ส่วนหนึ่งจากปัจจัยฐาน ภาพการลงทุนจะชะลอลงในระยะข้างหน้า จากผลของกำแพงภาษีสหรัฐฯ และความเปราะบางของอุปสงค์ในประเทศ

4. แรงส่งภาครัฐแผ่วลง ตามการเบิกจ่ายงบลงทุนที่ช้ากว่าที่ประเมินไว้ และปัจจัยฐานต่ำในปี 67 เริ่มมีผลช่วยน้อยลง

SCB EIC ระบุว่า ในระยะสั้น แม้อัตราภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้าไทย จะเหลือ 19% และไทยยื่นข้อเสนอใหม่ที่คำนึงรูปแบบการเปิดตลาดเพิ่มเติมจากข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาคเกษตร จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ และบรรเทาความกังวลผลกระทบต่อเกษตรกร และผู้ประกอบการจากการเปิดตลาดลงได้บ้างนั้น

แต่ยังต้องจับตาความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกไทย ที่ยังเผชิญกับแรงกดดันจากคู่แข่งที่เผชิญภาษีนำเข้าในอัตราที่แตกต่างกันไป ตลอดจนค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วช่วงที่ผ่านมา หากเปรียบกับหลายประเทศคู่แข่งสำคัญในตลาดสหรัฐ อาจเป็นอีกปัจจัยกดดันความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทย

มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากสงครามการค้าที่ยังต้องติดตาม ได้แก่

1. สินค้าส่งออกที่มี Import content สูง เสี่ยงจะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีสวมสิทธิเพิ่ม 40%

2. การแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ จะรุนแรงมากขึ้น กระทบ Margin ของผู้ประกอบการ

3. การรับมือปัญหา Import flooding และการปกป้องตลาดภายในประเทศทั่วโลกที่จะรุนแรงขึ้น

ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าอดีตมาก ส่วนหนึ่งจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ สูงขึ้นมากจากอดีต ทำให้การพึ่งพา Growth model เดิมของไทยที่เติบโตด้วยการค้าโลก จะเป็นไปได้ยากขึ้น

นอกจากประเด็นการค้า ยังมีประเด็นความขัดแย้งไทย-กัมพูชา เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมผ่านช่องทางการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว และแรงงาน ผลกระทบขึ้นกับความรุนแรงของมาตรการตอบโต้และความยืดเยื้อ ทำให้ภาพรวมแนวโน้มของภาคธุรกิจไทยยังมีความเสี่ยงอยู่มาก

โดยยังต้องจับตาความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออกไทยกับคู่แข่งที่เผชิญภาษีสหรัฐฯ ในอัตราแตกต่างกัน และรายละเอียดเพิ่มเติมของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับไทย โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่เน้นตลาดสหรัฐฯ จะเผชิญการแข่งขันด้านราคารุนแรงขึ้น หรือหากสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ มี Import content สูง อาจเสี่ยงถูกเพ่งเล็งกรณีสวมสิทธิ สำหรับการเปิดตลาดนำเข้าจากสหรัฐฯ ในเบื้องต้นคาดว่า ผลกระทบยังจำกัดในระยะสั้น เนื่องจากภาครัฐอาจออกมาตรการกำหนดโควตากลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวมาก และปกป้องผู้ผลิตในประเทศ

ในขณะเดียวกัน SCB EIC ประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะปรับลดลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ และอีก 1 ครั้งในปี 69 จาก (1) ภาวะการเงินยังตึงตัวจากการชะลอลงของสินเชื่อและเงินบาทแข็งค่า อาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า (2) อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง (Real rate) ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ไม่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่จะขยายตัวต่ำกว่าในอดีตอย่างมีนัย และ (3) อัตราเงินเฟ้อไทยต่ำกว่ากรอบเป้าหมายต่อเนื่องนาน

พร้อมประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 68 จะต่ำลงเหลือ 0.2% (เดิมมองไว้ 0.5%) จากราคาพลังงานและอาหารสดที่ลดลงต่อเนื่อง โดยมองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่องหลายเดือน จะกลับเป็นบวกได้ในไตรมาส 4/68 แม้ความเสี่ยงภาวะเงินฝืดยังมีไม่มาก แต่ครัวเรือนไทยอาจกำลังเผชิญ "Debt Deflation" อยู่ ภาระหนี้สูงอาจลดทอนกำลังซื้อของครัวเรือน ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอต่อเนื่อง จนทำให้ความเสี่ยงภาวะเงินฝืด (Deflation) สูงขึ้นได้ในที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

สถิติหวยออกวันที่ 1 กันยายน ย้อนหลัง 20 ปี เลขดังออกบ่อย

36 นาทีที่แล้ว

นายกสมาคมค้าทองคำ มองหลายปัจจัยหนุนทองคำไปต่อ

50 นาทีที่แล้ว

เซ็นทรัลพัฒนา ขอปฏิเสธข่าวถือหุ้นบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน)

53 นาทีที่แล้ว

"พงศ์กวิน" สั่งล้างบาง "แรงงานต่างด้าวเถื่อน-แย่งงานคนไทย"

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

EU เร่งออกกฎหมาย ยกเลิกภาษีสินค้าอุตสาหกรรมสหรัฐ แลกทรัมป์หั่นภาษีรถยนต์ยุโรปเหลือ 15%

การเงินธนาคาร

ก.ล.ต. เพิ่มเสน่ห์ตลาดทุนไทย ออกแพคเกจดึงต่างชาติ หลังเผชิญความท้าทายหนัก

MATICHON ONLINE

ข่าวดี ต่างชาติลุยลงทุนไทย 1.5 แสนล้าน จ้างงาน 4 พันคน ญี่ปุ่นแชมป์

เดลินิวส์

'ผยง'แนะ5หลักการ-3ระยะ-แก้หนี้ครัวเรือนยั่งยืน

Manager Online

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ พบ รมว. คลัง หารือความคืบหน้าภาษี ป้องกันสินค้าสวมสิทธิ

การเงินธนาคาร

ฉายภาพหนี้ครัวเรือนไทย ความเปราะบางที่ต้องจับตา เปิดแนวทางแก้ปัญหา

เดลินิวส์

รถไฟฟ้า20บาทสะดุด เลื่อนแล้วเลื่อนอีก! อ้างรอกฎหมายผ่านสภา

ไทยโพสต์

บลจ.ยูโอบี ส่งกอง UUSTECH ลงทุนหุ้นเทคฯสหรัฐ รับเทรนด์ AI โต

การเงินธนาคาร

ข่าวและบทความยอดนิยม

"พิชัย" เผยไทยเตรียมหารือภาษี "Local Content" กับทางการสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า

TNN ช่อง16

เศรษฐกิจไทยปี 2568 เสี่ยงโตต่ำเพียง 2% ท่องเที่ยวแผ่ว–หนี้สูง

TNN ช่อง16

สภาพัฒน์ปรับคาดการณ์ GDP ปี 68 โต 2% รับส่งออก - ลงทุนเอกชนฟื้น

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...