สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 7 ส.ค. 68
1. สรุปสถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนสะสม 24 ชม. สูงสุด ได้แก่ ภาคเหนือ : จ.แม่ฮ่องสอน (133 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จ.หนองคาย (39 มม.) ภาคตะวันตก : จ.ประจวบคีรีขันธ์ (32 มม.) ภาคกลาง : จ.ชัยนาท (70 มม.) ภาคตะวันออก : จ.ระยอง (46 มม.) ภาคใต้ : จ.สุราษฎร์ธานี (109 มม.)
สภาพอากาศวันนี้ : หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบนและเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน และบึงกาฬ
คาดการณ์ : ในช่วงวันที่ 8 - 9 ส.ค. 68 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำ ปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบนและเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
2. สถานการณ์น้ำอ่างเก็บน้ำในภาพรวม : ปริมาณน้ำรวม 65% ของความจุเก็บกัก (52,398 ล้าน ลบ.ม.) ปริมาณน้ำใช้การ 49% (28,279 ล้าน ลบ.ม.)
3. พื้นที่ประสบอุทกภัย : สถานการณ์อุทกภัย วันที่ 6 ส.ค. 68 ในพื้นที่ 2 จ. 4 อ. ได้แก่ จ.แม่ฮ่องสอน (อ.เมืองแม่ฮ่องสอน และปางมะผ้า) และ จ.พิษณุโลก (อ.บางระกำ และนครไทย)
4.ข่าวประชาสัมพันธ์ : วานนี้ (6 ส.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่าปัจจุบันสถานการณ์น้ำของแม่น้ำเจ้าพระยายังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,161 ลบ.ม. ต่อวินาที ขณะที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 700 ลบ.ม. ต่อวินาที โดยศักยภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณกรุงเทพมหานครสามารถรองรับน้ำได้ประมาณ 2,500 - 3,000 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งขณะนี้ที่สถานีสูบน้ำปากคลองตลาด ยังคงมีระดับน้ำต่ำกว่าระดับทะเลปานกลาง ประมาณ 0.45 ม. และต่ำกว่าระดับเตือนภัย 2.75 ม.
ในขณะนี้รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์น้ำและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงฤดูฝนนี้ โดยรับทราบข้อมูลคาดการณ์น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างวันที่ 7 - 13 ส.ค. 68 ในช่วงเวลาประมาณ 18.00 - 21.00 น. อาจส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1.70 - 2.00 ม. จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.30 ม. นอกจากนี้ อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนส่งผลให้มีฝนตกในบางพื้นที่ ซึ่งทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น จึงคาดว่าในช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณ จ.สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม จึงได้สั่งการให้ สทนช. ประสานกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำของอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมทั้งตรวจสอบความมั่นคงของอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ ในการเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันที รวมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบดังกล่าวให้ทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมรับมือและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วง 2–3 วันนี้ มีแนวโน้มฝนจะเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และปริมาณฝนจะตกหนักอีกครั้งในช่วงหลังกลางเดือนสิงหาคม จึงขอให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังคงยกของขึ้นที่สูงไว้เช่นเดิม เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศ วันที่ 6 ส.ค. 68