ชมฮับผลิตเสื้อผ้า ‘เฉวียนโจว’ ระบบอัจฉริยะ ‘ลดต้นทุน-คงคุณภาพ’
"เฉวียนโจว” เมืองที่ตั้งอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกของจีน และอยู่ตรงข้ามกับไต้หวัน มีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองท่าเก่าแก่ เมืองแห่งประวัติศาสตร์ด้านการค้าการเดินเรือ และเมืองแห่งมรดกวัฒนธรรมเมืองนี้ได้ประโยชน์อย่างมากจากการเป็นหนึ่งในเมืองท่าสำคัญบน "เส้นทางสายไหมทางทะเล" มาตั้งแต่อดีต และมีการค้าเฟื่องฟูในสมัยราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์หยวน ซึ่งทำการค้ากับกว่า 100 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และเฉวียนโจวยังได้รับการขนานนามจากนักสำรวจยุคกลางที่มีชื่อเสียงหลายคน อาทิ มาร์โค โปโล ว่าเป็นหนึ่งในท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
เมื่อเป็นเมืองท่า แน่นอนว่าเมืองนี้ต้องมีอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของเมืองก็คือ "อุตสาหกรรมสิ่งทอ"
กรุงเทพธุรกิจมีโอกาสไปเยือนเฉวียนโจวในทริป “The 2025 Silk Road Twin-City Story and the Media’s Tour of World Heritage Sites in Quanzhou” ระหว่างวันที่ 4-8 ส.ค. ที่ผ่านมา และได้เยี่ยมชมโรงงานผลิตเสื้อผ้าขนาดใหญ่ของเมืองอย่าง “เฉวียนโจว เผิงไท่ การ์เมนท์ส” (Quanzhou Pengtai Garments) ซึ่งรับผลิตเสื้อผ้าแบบครบวงจร มีเชนการผลิตตั้งแต่ด้าย ผ้า ไปจนถึงเสื้อผ้าสำเร็จรูป เมื่อได้เข้าไปเยี่ยมชมแล้วถึงกับเข้าใจว่า "ทำไมจีนจึงเป็นศูนย์กลางการผลิตเสื้อผ้าที่มีราคาถูกแต่ยังมีคุณภาพ" เนื่องจากบริษัทใช้เครื่องจักรและเทคโนโลยีล้ำสมัยในการทุกกระบวนการผลิต
ระบบการผลิตของโรงงานให้เข้าใจง่าย โดยเริ่มจากขั้นตอนแรกของการผลิตนั่นคือ แผนกผลิตผ้า โรงงานนี้สามารถผลิตเส้นด้ายได้เอง ดังนั้นเมื่อผลิตเส้นด้ายเองจึงทอผ้าเองด้วย ในแผนกนี้จะเห็นเครื่องจักรทอผ้าขนาดใหญ่ หากดูด้วยสายตาน่าจะขนาดราวสามคูณสามเมตร และเมื่อผลิตผ้าได้เอง แน่นอนว่าโรงงานยังรับผลิตเนื้อผ้าตามสั่งและส่งออกผ้าสำหรับการผลิตอีกด้วย
เครื่องสกรีนผ้า
เมื่อได้ผ้าแล้วก็จะเข้าสู่แผนกสกรีน แผนกนี้จะใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่เช่นกัน มีความยาวราว 4-5 เมตร กว้างราว 1 เมตร เครื่องจักรนี้จะสกรีนรูปแบบเสื้อลงบนผ้า มีลวดลายและขนาดของเสื้อผ้าแตกต่างกันไปตามลูกค้าสั่ง หลังจากนั้นจะเข้าสู่แผนกตัดผ้า แผนกนี้ใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่มากและมีพนักงานยืนกำกับ 1 คนต่อเครื่องลักษณะเครื่องจักรคล้ายเครื่องถ่ายเอกสาร แต่ขนาดใหญ่กว่า 4-5 เท่า และต่างกันตรงที่สิ่งที่ออกมานั้นไม่ใช่กระดาษ แต่เป็นเสื้อผ้าที่ตัดออกมาเป็นชิ้นๆ ด้วยระบบเลเซอร์
หลังจากได้เสื้อผ้าเป็นชิ้นแล้ว จะส่งไปยังแผนกตัดเย็บ โซนนี้ไม่เงียบเหงา เพราะได้เจอแรงงานที่กำลังนั่งตัดเย็บเสื้อผ้าหลากหลายรูปแบบ แต่ที่น่าทึ่งคือแผนกนี้มีการใช้ระบบอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยี “เอไอ” ในการจัดส่งชิ้นส่วนเสื้อผ้าไปยังฝ่ายต่างๆ
หากมองในระดับสายตาจะเห็นภาพแรงงานกำลังตัดเย็บเสื้อผ้าบนโต๊ะ แต่หากเงยหน้ามองขึ้นเพดานจะเห็นแท่นลำเลียงเสื้อผ้าคล้ายกับเสื้อผ้ากำลังโหนสลิงเที่ยวรอบโรงงาน ระบบดังกล่าวจะคอยจำแนกเสื้อผ้าหรือชิ้นส่วนผ้าเพื่อส่งต่อไปยังฝ่ายตัดเย็บที่เกี่ยวข้อง นอกจากประหยัดแรงงานในการขนย้ายสิ่งของแล้ว ระบบนี้ยังช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
เมื่อเสื้อผ้าตัดเย็บเสร็จเรียบร้อยจะเข้าสู่แผนกควบคุมคุณภาพสินค้า ภาพที่เห็นคือ เสื้อผ้าที่เย็บเสร็จแล้วจะโหนมาตามแท่นลำเลียงเข้าสู่เครื่องทำความสะอาดที่จะกำจัดฝุ่นและเส้นด้ายจากการตัดเย็บออกไป จากนั้นจะมีพนักงานคอยตรวจสอบคุณภาพสินค้าอีกครั้ง แล้วจะส่งเสื้อผ้าชิ้นนั้นไปยังแผนกแพ็กสินค้าโดยส่งไปตามแท่นลำเลียงแน่นอนว่าเราจะยังคงเห็นผ้าโหนไปโหนมาตลอดเวลา
เครื่องทำความสะอาดเสื้อผ้าก่อนตรวจสอบคุณภาพสินค้า
ในแผนกแพ็กสินค้านั้นใช้ทั้งแรงงานคนและเครื่องจักร แรงงานที่เป็นคนพับสินค้าใส่ถุงแบบปกติทั่วไป ส่วนเครื่องจักรก็ทำเช่นเดียวกัน มันสามารถพับผ้าได้ด้วยแขนจักรกล จากนั้นก็เป่าลมเข้าถุงบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งผ้าที่พับแล้วเข้าถุง ภาพที่เห็นประหนึ่งผ้าลอยเข้าได้เพราะไวมาก แต่ก็ใช่ว่าเครื่องจักรจะทำงานได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็น เพราะเราได้เห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น คือ เสื้อที่พับแล้วไม่เข้าถุง หรือเสื้อผ้าตกรางขนส่ง
เมื่อแพ็กเสื้อผ้าเสร็จแล้วสินค้าเหล่านั้นจะส่งไปยังคลัง โดยการใช้หุ่นยนต์ขนส่ง และระบบจัดเก็บ-ส่งออกสิ่งของในคลังสินค้าก็ใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติทั้งหมด ส่วนความจุของคลังสินค้าเผิงไท่อยู่ที่ราว 16,000 ลูกบาศก์เมตร ขณะที่กำลังการผลิตเสื้อผ้าของโรงงานอยู่ที่ 20 ล้านชุด และสามารถผลิตผ้าได้ราว 5,000 ตันต่อปี แต่ปริมาณการผลิตจริงนั้นขึ้นอยู่กับคำสั่งซื้อของลูกค้า
โกดัง
จากการเยี่ยมชมโรงงานปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องจักร ระบบอัตโนมัติ และเอไอ ทำให้การผลิตรวดเร็ว แม่นยำ และคล่องตัวมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังสามาถลดต้นทุนการผลิตได้มากโดยเฉพาะต้นทุนด้านแรงงาน เพราะโรงงานใช้เครื่องจักร หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติทุกแผนก มีเพียงแผนกตัดเย็บเท่านั้นที่ใช้แรงงานมนุษย์จำนวนมาก บวกกับโรงงานสามารถจัดหาและผลิตวัสดุสำหรับผลิตเสื้อผ้าได้เอง จึงลดต้นทุนด้านวัสดุได้มาก ทำให้หายสงสัยเลยว่า “ทำไมจีนสามารถผลิตเสื้อผ้าได้ราคาถูกแต่ยังคงคุณภาพได้ดี”
ทั้งนี้ เผิงไท่ การ์เมนท์ส เป็นบริษัทรับผลิตเสื้อผ้าในเครือหงไค กรุ๊ป (Hongkai Group) ก่อตั้งเมื่อปี 2014 ด้วยทุนจดทะเบียน 500 ล้านหยวน มีพนักงานกว่า 3,000 คน นอกจากโรงงานในเฉวียนโจวแล้วบริษัทยังมีฐานการผลิตอื่นๆ ในจีนด้วย อาทิซินเจียงและเซินเจิ้น และฐานการผลิตต่างประเทศอยู่ในกัมพูชา สินค้าส่วนใหญ่ของโรงงานแห่งนี้ส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลียและสหรัฐ
เผิงไท่ยังมีพาร์ทเนอร์ต่างชาติและแบรนด์ชั้นนำหลายรายที่สั่งผลิตสินค้าจากโรงงาน เช่น ยูนิโคล, อาดิดาส, โปโล,คาลวิน ไคลน์,มงแคลร์ ฯลฯและนอกจากเป็นบริษัทรับผลิตแล้ว เผิงไท่ยังผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ของตนเองด้วย
ศูนย์อีคอมเมิร์ซครบวงจร หนุนการค้า สร้างรายได้ให้ท้องถิ่น
ในเขตฉือชือ ของเฉวียนโจว เป็นหนึ่งในเขตที่พยายามส่งเสริมและสนับสนุน“การค้าอีคอมเมิร์ซ”ให้กับผู้คนและธุรกิจในท้องถิ่นอย่างแข็งขัน เขตนี้มีศูนย์ปฏิบัติการอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน ซึ่งจะคอยอำนวยความสะดวกให้คนท้องถิ่นสามารถจำหน่ายสินค้าไปยังต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้อย่างราบรื่น ด้วยบริการต่างๆได้แก่ บริการดูแลการค้าผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนแบบครบวงจร อบรมการค้าอีคอมเมิร์ซ ช่วยบ่มเพาะธุรกิจ บริการจัดหาคลังสินค้าในต่างประเทศ จัดนิทรรศการเยี่ยมชมธุรกิจ/สินค้าแบบออฟไลน์ และจัดหาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ใช่สำหรับธุรกิจ ซึ่งทางศูนย์ร่วมป็นพาร์ทเนอร์กับหลายแพตฟอร์มด้วยอาทิ อาลีบาบา, ช้อปปี้, อีเบย์, ลาซาด้า, ติ๊กต๊อกช็อป, วอลมาร์ท, เทมู และชีอิน เป็นต้น
ด้วยฉือชือตั้งอยู่ในเมืองเฉวียนโจวที่เป็นเมืองแห่งสิ่งทอระดับนานาชาติ สินค้าส่วนใหญ่ที่ธุรกิจในเมืองจำหน่ายได้ดีในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นสินค้าประเภทเสื้อผ้าแฟชั่น ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์กีฬาและชุดกีฬา โดยเฉพาะชุดกีฬาที่มีฟังก์ชันเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แจ็กเก็ตติดพัดลมคลายร้อน
ทางศูนย์ฯเผยว่า ประชาชนในเขตฉือชือราว 700,000 คน สนใจทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซไปแล้ว 200,000 คน และการค้าของธุรกิจในฉือชือผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซนั้นมีมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านหยวน เรียกได้ว่าการค้าของคนที่นี่อยู่ในสายเลือดจริงๆ ส่วนในภาพใหญ่นั้น เฉวียนโจวมีมูลค่าการค้ากับประเทศคู่ค้าต่างๆ ราว 1.73 แสนล้านหยวนต่อปี
ศูนย์อีคอมเมิร์ซนี้ถือเป็นโมเดลการส่งเสริมการทำธุรกิจของคนในท้องถิ่นที่น่าสนใจ หากประเทศไทยสามารถสร้างศูนย์ส่งเสริมการค้าอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจรให้กับคนในท้องถิ่นโดยเฉพาะ อาจเริ่มจากระดับภูมิภาคหรือจังหวัด ก็อาจช่วยพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจและเศรษฐกิจท้องถิ่นได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น