“พิชัย” มองภาษีสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ไปกว่าเดิม ชี้เป็นโอกาสไทยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ หวังดันจีดีพีโตให้ได้เกิน 2%
BTimes
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 18.18 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2568 เพิ่มเป็น 2% จากเดิมที่ 1.8% ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในขณะนี้ ต้องยอมรับว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามากระทบ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การย้ายฐานการผลิต รวมถึงมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
กรณีมาตรการภาษีของสหรัฐฯ นายพิชัย มองว่าไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ไปกว่าเดิม แต่เมื่อมีปัญหามาตรการภาษีสหรัฐฯ เข้ามา ทำให้เศรษฐกิจของทุกประเทศชะลอตัวลงเหมือนกันหมด ดังนั้น ไทยอาจจะใช้โอกาสนี้เพื่อเริ่มปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหากไทยสามารถปรับโครงสร้างเศรษฐกิจได้ ก็มีโอกาสที่ GDP จะขยายตัวได้มากกว่า 2%
"ถ้าเราเริ่มปรับปรุงให้ถูกที่ ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะค่อย ๆ ขยับขึ้นไป ตอนนี้เรารู้อยู่แล้วว่าต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหน มาจากที่ไหน การเข้าไปแก้ปัญหา โดยเฉพาะในภาคการส่งออก ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องไปถึงเรื่องท่องเที่ยว การผลิตภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรมที่ยังเป็นแบบเดิม ก็ถึงเวลาที่ต้องปรับให้เป็นแบบใหม่ เหล่านี้คือสิ่งที่จะต้องทำตามมาหลังจากนี้อยู่แล้ว" นายพิชัย กล่าว
สำหรับเรื่องมาตรการภาษีสหรัฐฯ ในส่วนของสินค้าสวมสิทธิ์ (transshipment) หากเป็นสินค้า transshipment โดยสมบูรณ์ ไทยมีความกังวลน้อยมาก เมื่อเทียบกับสินค้า transshipment ที่ผ่านเข้ามาแล้วแทบไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพราะตรงนี้ไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าไร ไม่มีมูลค่าเพิ่ม และไทยก็ไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว โดยวิธีการที่ดีที่สุด คือ การเข้าไปเข้มงวดในการออกใบแสดงถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) หากไทยมีการตรวจสอบถิ่นกำเนิดสินค้า และไม่ออกใบแสดงถิ่นกำเนิดสินค้าให้กับสินค้าที่เป็น transshipment ซึ่งเมื่อสินค้าเหล่านี้ส่งออกไม่ได้ ก็ขายไม่ได้ ตรงนี้เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ง่าย และดีที่สุด