'เมย์แบงก์' หั่นมุมมองหุ้นเทคฯ "เท่าตลาด" ชู HUMAN เด่น
ทันหุ้น – บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ปรับลดมุมมองต่อ กลุ่มเทคโนโลยีบริการจาก “เชิงบวก” เป็น “เท่าตลาด” เนื่องจากความล่าช้าของทั้งโครงการภาครัฐและเอกชนในปีนี้ โดยประมาณการการเติบโตของกำไรหลักปีงบการเงิน 68/69 ใหม่ที่ 9%/13% (เทียบกับ 34%/21% ในรายงาน Year Ahead เดือน ม.ค. 68)
ปัจจุบันฝ่ายวิจัยมีคำแนะนำ ซื้อ 2 ตัว, ถือ 2 ตัว และ ขาย 1 ตัว หุ้นเด่น คือ HUMAN (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 10.30 บาท) เนื่องจาก 1) คาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของกำไรหลักต่อหุ้นปี 67-70 ที่ 12% โดยมีแรงหนุนจากการชนะโครงการในหลายประเทศอาเซียน และ 2) ดาวน์ไซด์จำกัด (มีความเสี่ยงต่ำจากปัจจัยมหภาคและโครงการภาครัฐ) ปัจจัยกระตุ้นการปรับเพิ่มมูลค่าของ HUMAN คือการเติบโตของกำไรหลักที่แข็งแกร่งใน Q3-Q4/68
*โครงการล่าช้าเป็นเหตุให้ปรับลดมุมมองกลุ่ม
สาเหตุหลักที่ฝ่ายวิจัยปรับลดมุมมองกลุ่มเป็น “เท่าตลาด” คือความล่าช้าของโครงการต่างๆ ภาคเอกชนเลื่อนการลงทุนด้าน IT ออกไปจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าในเดือน เม.ย.-ก.ค. และการบริโภคที่อ่อนแอ ขณะที่โครงการภาครัฐหยุดชะงักบางส่วน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน 5 กระทรวง หลังจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลในเดือน มิ.ย.68
ฝ่ายวิจัยคาดว่าการเปิดประมูลโครงการเอกชนจะเริ่มฟื้นตัวใน Q4/68 เนื่องจากบางบริษัทต้องเริ่มทำ “การลงทุนที่จำเป็น” อย่างไรก็ตาม แนวโน้มโครงการภาครัฐยังคงไม่แน่นอน ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางการเมือง หลังศาลมีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ส.ค.
*HUMAN คือหุ้นเด่น จากความเสี่ยงที่จำกัด
ฝ่ายวิจัยมองว่า HUMAN เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากมีดาวน์ไซด์ต่ำที่สุดในกลุ่ม โดยรายได้ 75% ของ 1H68 เป็นรายได้ประจำ (Recurring income) อีกทั้งความได้เปรียบด้านต้นทุนและซอฟต์แวร์ที่ปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละประเทศ ทำให้ HUMAN สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งระดับโลกได้
โดยบริษัทให้บริการเทคโนโลยีรายอื่นๆ มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจไทยและการลงทุนภาครัฐมากกว่า ขณะที่ HUMAN ซื้อขายที่ P/E ล่วงหน้า 1 ปี ที่ 15.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 31.3 เท่า ราว 2 SD ทั้งที่คาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยกำไรหลักต่อหุ้นปี 67-70 ที่ 12% เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
*อัพราคาเป้าหมายไปสิ้นปี 69 หั่นคำแนะนำ SKYฝ่ายวิจัยปรับราคาเป้าหมายกลุ่มเป็นสิ้นปี 69 จากเดิมสิ้นปี 68 โดยราคาเป้าหมายของหุ้นเทคโนโลยีบริการทุกตัวถูกปรับเพิ่ม ยกเว้น BE8 ที่ถูกปรับลดลงเหลือ 5.30 บาท จาก 7.70 บาท แม้คำแนะนำของหุ้นแทบทั้งหมดไม่เปลี่ยน แต่ฝ่ายวิจัยปรับลดคำแนะนำ SKY เป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” เนื่องจากมีอัพไซด์จำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายใหม่ที่อิง SOTP ที่ 15.00 บาท และคาดว่ากำไรหลัก Q3/68 จะลดลง QoQ (จากความล่าช้าในโครงการหลัง มิ.ย. 68) อย่างไรก็ดี คำแนะนำ “ถือ” ยังได้รับการสนับสนุนจากความเป็นไปได้ที่จะชนะโครงการใหม่ในช่วงปลาย Q4/68