ทรีนีตี้ ประเมินปัจจัยการเมืองไม่มีภาพบวก ผลต่อ SET ระยะ 1 เดือนข้างหน้า
“ทรีนีตี้” มองหุ้นไทย 1 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 จุด รอการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขั้วไหนขึ้นล้วนได้รัฐบาลอายุ 4-6 เดือน แม้ไม่เกิดสุญญากาศ แต่ก็ไม่ได้เป็นภาพบวก คาดในช่วงรัฐบาลชั่วคราวเศรษฐกิจจะทำได้เพียงประคับประคอง รวมไปถึงภาพตลาดหุ้น พร้อมแนะกลยุทธ์คงน้ำหนักลงทุน
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากทิศทางของปัจจัยการเมืองภายในประเทศล่าสุด ประเมินว่าในกรณีฐานจะทำให้ภาพของ SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 จุด ตามที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ต่อไป ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
ปัจจัยที่จะช่วยประคับประคองดัชนี SET ไม่ให้หลุดระดับ 1,200 จุด ได้แก่ 1) การที่ ครม.รักษาการมีแนวโน้มอยู่ในตำแหน่งไม่นาน จากการที่พรรคการเมืองต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้เรามีโอกาสที่จะได้นายกฯ คนใหม่ และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่รวดเร็ว
2) พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ไม่น่าเผชิญอุปสรรคใด ๆ จากกระบวนการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลนี้ และ 3) การมีรัฐบาลใหม่ได้เร็วจะทำให้ประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วน ไม่เกิดการเว้นวรรคนานเกินไป เช่นปัญหาชายแดนกับกัมพูชา และปัญหาภาษีการค้ากับทางสหรัฐ
ในทางกลับกัน ประเมินปัจจัยที่จะยังจำกัดดัชนี SET ไม่ให้ทะลุผ่านระดับ 1,300 จุด ได้แก่ 1) หากพรรคประชาชนยังยืนอยู่บนจุดยืนของพรรคที่ให้ไว้ ว่าจะโหวตให้แต่นายกฯ แต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใดนั้น จะทำให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียงรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งไม่ได้เป็นผลบวกต่อเสถียรภาพการเมืองแต่อย่างใด
2) รัฐบาลชั่วคราวที่ประกาศว่าจะมีอายุเพียงแค่ 4 เดือนนั้น อาจทำให้เกิดการเกียร์ว่างในส่วนราชการต่าง ๆ และทำให้โอกาสในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นได้ยาก
และ 3) การขาดแรงผลักดันในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และการรอการเลือกตั้งใหม่ไปอย่างน้อย 4-6 เดือน จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป ทั้งนี้ คาดการณ์หุ้นกลุ่ม Domestic Demand มีโอกาสซึมตัวต่อไป ตามแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 และต้นไตรมาส 4 ที่น่าจะยังชะลอตัวอยู่
ซึ่งเหตุผลดังกล่าวน่าจะทำให้สมมติฐานที่ บล.ทรีนีตี้ คาดการณ์ไว้ว่า กนง.จะมีการลดดอกเบี้ยได้อีก 0.25% ภายในปีนี้มีโอกาสเป็นจริงมากขึ้น แนะนำนักลงทุนคงน้ำหนัก ‘Overweight’ ในส่วนพันธบัตรของไทยต่อไป ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะยังไม่มีการฟื้นตัวเด่น และการ Price in การลดดอกเบี้ยของตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนั้น ยังคงแนะนำ ‘Overweight’ หุ้นในกลุ่ม Defensive ที่ยังคงได้ประโยชน์จากวงจร Bond Yield ขาลงต่อไป ทั้ง Utilities, ICT, IFF, และ REIT เป็นต้น
ทั้งนี้ การวิเคราะห์ของทรีนีตี้ข้างต้นอิงบนสมมุติฐานสำคัญที่ว่า พรรคประชาชนจะยกมือเลือกนายกฯ ให้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่หากสุดท้ายแล้วพรรคประชาชนตัดสินใจเลือกไม่ยกมือให้กับฝ่ายใด หรือใช้เวลายาวนานกว่าจะตัดสินใจ จะทำให้การเลือกนายกฯคนใหม่เป็นไปอย่างยากลำบาก
ซึ่งหากเหตุผลดังกล่าวทำให้ ครม.รักษาการอยู่นานกว่าที่เราคิดไว้ เช่นเกิน 1 เดือนขึ้นไป จะถือเป็นกรณีที่ค่อนข้างแย่ในสายตาของเรา และจะทำให้ Downside Risk ของดัชนี SET เปิดกว้างมากขึ้น จนอาจจะทำให้ดัชนีปรับตัวหลุดระดับ 1,200 จุดได้ ในทางกลับกัน ประเมินความเป็นไปได้ในฝั่งบวกก็มีเช่นกัน
โดยหากสุดท้ายแล้วพรรคประชาชนเลือกที่จะไม่ยกมือเลือกนายกฯจากทั้ง 2 ฝั่ง จนนำมาสู่กรณีที่รักษาการนายกฯ ขอทูลเกล้าฯ ให้มีการยุบสภาโดยเร็ว (อาจต้องขึ้นอยู่กับตัวบทกฎหมายอีกทอดหนึ่ง) หากเกิดขึ้นได้จริง มองปัจจัยนี้จะทำให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุดเมื่อเทียบกับกรณีอื่น ๆ จนนำมาสู่ปรากฏการณ์ Election Rally ในตลาดที่เร็วกว่ากำหนด และทำให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวทะลุระดับ 1,300 จุดขึ้นไป จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทรีนีตี้ ประเมินปัจจัยการเมืองไม่มีภาพบวก ผลต่อ SET ระยะ 1 เดือนข้างหน้า
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net