หุ้นไทยโอกาสแรลลี่ 1,300 จุด การเมืองพลักดัน “สู่การเลือกตั้ง”
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ ประเมินว่าจะทําให้ภาพของ SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,300 จุด ด้วยเหตุผลปัจจัยที่ช่วยประคับประคอง Downside และทำให้ SET Index ไม่น่าหลุดระดับ 1,200 จุด ได้แก่ 1.การที่ครม.รักษาการมีแนวโน้มอยู่ในตําแหน่งไม่นาน จากการที่พรรคการเมืองต่างๆ มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทําให้มีโอกาสที่จะได้ "นายกฯคนใหม่และการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่รวดเร็ว"
2.พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ไม่น่าเผชิญอุปสรรคใดๆ จากกระบวนการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลนี้ 3.การมีรัฐบาลใหม่ได้เร็วจะทําให้ประเทศไทยสามารถแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนได้ไม่เกิดการเว้นวรรคนาน เช่นปัญหาชายแดนกับกัมพูชา และปัญหาภาษีการค้ากับทางสหรัฐ
ปัจจัยที่จำกัด Upside และทำให้SET Index ไม่น่าทะลุผ่าน 1,300 จุด ได้แก่ 1. หากพรรคประชาชนยังยืนอยู่บนจุดยืนของพรรคที่ให้ไว้ ว่าจะโหวตให้แต่นายกฯแต่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลแต่อย่างใดนั้น จะท ําให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียงรัฐบาลเสียงข้ํางน้อยซึ่งไม่ได้เป็นผลบวกต่อเสถียรภาพการเมืองแต่อย่างใด
2.รัฐบาลชั่วคราวที่ประกาศว่าจะมีอายุเพียงแค่ 4 เดือนนั้น อาจทําให้เกิดการเกียร์ว่างในส่วนราชการต่างๆ และทำให้โอกาสในการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจสําคัญๆที่เกิดขึ้นได้ยาก 3.การขาดแรงผลักดันในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และการรอการเลือกตั้งใหม่ไปอย่างน้อย 4-6 เดือน จะทําให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป
โดยคาดการณ์ หุ้นกลุ่ม Domestic demand มีโอกาสซึมตัวต่อไป ตามแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 และต้นไตรมาส 4 ที่น่าจะยังชะลอตัว อยู่ซึ่งเหตุผลดังกล่าวน่าจะทําให้สมมติฐานที่คาดการณ์ไว้ว่ากนง.จะมีการลดดอกเบี้ยได้อีก 0.25% ภายในปีนี้มีโอกาสเป็นจริงมากขึ้น
สำหรับ แนะนำคงน้ำหนัก ‘Overweight’ ในส่วนพันธบัตรของไทยต่อไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะยังไม่มีการฟื้นตัวเด่น และการ Price in การลดดอกเบี้ยของตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับต่่ำ นอกจากนั้นยังคงแนะนำ ‘Overweight’ หุ้นในกลุ่ม Defensive ที่ยังคงได้ประโยชน์จากวงจร Bond yield ขาลงต่อไป (Bond-like) ทั้ง Utilities,ICT, IFF, และ REIT เป็นต้น
กรณี Downside risk จากการวิเคราะห์ข้างต้น อิงบนสมมุติฐานสําคัญที่ว่าพรรคประชาชนจะยกมือเลือกนายกฯให้กับฝั่งใดฝั่งหนึ่งแต่หากสุดท้ายแล้ว "พรรคประชาชนตัดสินใจเลือกไม่ยกมือให้กับฝ่ายใด" หรือใช้เวลายาวนานกว่าจะตัดสินใจ จะทําให้การ"เลือกนายกคนใหม่เป็นไปอย่างยากลําบาก" ซึ่งทำให้ครม.รักษาการอยู่นานกว่าที่คิดไว้เช่นเกิน 1 เดือนขึ้นไป จะถือเป็นกรณีที่ค่อนข้างแย่ และจะทำให้ Downside risk ของดัชนี SET เปิดกว้างมากขึ้นจน อาจจะทําให้ดัชนีปรับตัวหลุดระดับ 1,200 จุดได้
ขณะที่ Upside risk ในทางกลับกัน ประเมินความเป็นไปได้ของฝั่ง Upside risk ก็มีเช่นกัน โดยหากสุดท้ายแล้วพรรคประชาชนเลือกที่จะไม่ยกมือเลือกนายกฯจากทั้ง 2 ฝั่ง จนนํามาสู่กรณีที “รักษาการนายกฯ ”ขอทูลเกล้าให้มีการยุบสภาโดยเร็ว (อาจต้องขึ้นอยู่กับตัวบทกฎหมายอีกทอดหนึ่ง)
หากเกิดขึ้นได้จริง มองปัจจัยนี้จะทําให้ความคาดหวังเกี่ยวกับ “การเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด” เมื่อเทียบกับกรณีอื่นๆ จนนํามาสู่ปรากฏการณ์ Election rally ในตลาดที่เร็วกว่ากําหนด และทําให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวทะลุระดับ 1,300 จุดขึ้นไป จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เหตุการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอนจะทําให้ตลาดมีความผันผวนสูงในช่วงต้นเดือนกันยายน เหตุการณ์ทางการเมืองของไทยน่าจะยังทําให้ตลาดผันผวนสูงต่อไป ซึ่งประเมิน "scenario ทางการเมืองเอาไว้สามแนวทาง" หลังจากที่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกแพทองธาร และ คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตําแหน่ง
โดยใน scenario แรก มองว่าเป็นกรณีฐานของตลาด คือ พรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคประชาชนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ ซึ่งแนวทางนี้จะอาจจะหนุนให้ตลาดขึ้นต่อได้ในเดือนนี้ ส่วน scenario ที่ 2 ซึ่งจะทําให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสําคัญต่อนโยบายเศรษฐกิจ และ สังคมของไทย คือ พรรคประชาชนจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และ เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกุลเป็นนายกคนใหม่
scenario ที่ 3 อาจจะส่งผลลบต่อภาวะตลาดในระยะสั้น คือ มีการยุบสภาทันที และ จัดเลือกตั้งใหม่ในไตรมาส 4 ปี 2568 ซึ่งจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น และ GDP ที่คาดว่าจะชะลอตัวลง คาดว่า กนง. น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็น1.00% ภายในสิ้นปีนี้