คลัง ลุย Negative Income Tax คนไทยต้องยื่นภาษี ส่งสัญญาณขึ้น VAT ลดความเหลื่อมล้ำ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเดินหน้าระบบระบบภาษีรูปแบบใหม่ หรือ Negative Income Tax เต็มรูปแบบในปี 2570 โดยคาดว่า ประชาชนเกือบทั้งหมดจะต้องยื่นแบบแสดงรายได้ เพื่อเข้าสู่ระบบใหม่ที่จะช่วยระบุผู้มีรายได้น้อย และจัดสรรงบประมาณช่วยเหลืออย่างตรงจุด พร้อมทั้งเผยถึงทิศทางการ พิจารณาปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากอัตรา 7% ในปัจจุบัน เพื่อสร้างรายได้รัฐและลดความเหลื่อมล้ำในระยะยาว
"เรามีประชาชนประมาณ 67 ล้านคน แต่ผู้ที่เข้าสู่ระบบภาษีจริง ๆ มีเพียง 10 ล้านคน หรือราว 15% เท่านั้น และจากจำนวนนี้ มีผู้เสียภาษีจริงจังแค่ 4 ล้านคน คิดเป็นเพียง 6% ของประชากร ระบบ Negative Income Tax จะช่วยทำให้รัฐสามารถระบุตัวบุคคลที่มีรายได้น้อยได้อย่างแม่นยำ ถ้าคุณมีรายได้น้อยเราจะช่วยเหลือคุณได้อย่างตรงจุด ลดการใช้วิธีแจกเงินแบบกระจายซึ่งอาจไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายเหมือนในอดีต " นายพิชัย กล่าว
โดยระบบใหม่นี้จะใช้อัตราก้าวหน้าในการช่วยเหลือ คือ หากบุคคลใดมีรายได้ต่อปีต่ำกว่าระดับที่กำหนด เช่น ต่ำกว่า 60,000 บาทต่อปี หรือราว 5,000 บาทต่อเดือน ก็จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ โดยจะคำนวณตามสัดส่วนรายได้ที่ห่างจากเกณฑ์ความยากจน
“สมมุติว่ารัฐกำหนดเกณฑ์รายได้ไว้ที่ปีละ 60,000 บาท หากประชาชนมีรายได้ต่ำกว่านั้น เช่น 20,000 บาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐในลักษณะ อัตราเร่ง คือ ยิ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นก็ยิ่งได้รับการสนับสนุนมากขึ้น จนกระทั่งถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด และเมื่อรายได้เข้าใกล้หรือเกินเกณฑ์ การช่วยเหลือจะค่อย ๆ ลดลง เพื่อจูงใจให้ประชาชนทำงานหารายได้มากขึ้น แทนพึ่งพาเงินช่วยเหลือเฉพาะกิจ” นายพิชัย กล่าว
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลใช้งบประมาณช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในหลากหลายรูปแบบ เช่น งบสนับสนุนเกษตรกร ซึ่งเคยสูงถึง 60,000 ล้านบาทต่อปี ก่อนจะลดลงเหลือประมาณ 40,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งระบบใหม่นี้จะรวมศูนย์การช่วยเหลือให้อยู่ในช่องทางเดียวที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
สำหรับ การปรับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ปัจจุบันไทยเก็บอยู่ในอัตรา 7% ซึ่งนายพิชัย ระบุว่า เป็นอัตราถูกตรึงมานานมากกว่า 20 ปี ควรพิจารณาปรับให้อยู่ในระดับขึ้นที่เหมาะสม สอดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคในปัจจุบัน โดยชี้ว่าหลายประเทศในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซีย ปรับ VAT ขึ้นไปที่ 12% แล้ว
“การขึ้น VAT คือ การเก็บภาษีจากคนที่บริโภคเยอะ ซึ่งมักเป็นคนที่มีรายได้สูง ใครบริโภคมาก ก็จ่ายมาก ส่วนเงินที่ได้จากภาษี จะนำมาใช้สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ขนส่งสาธารณะ การศึกษา สาธารณสุข เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อย” นายพิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่า หากมีการปรับ VAT จริง จะต้องมี มาตรการคุ้มครองผู้มีรายได้น้อยควบคู่กัน เช่น ให้สิทธิใช้น้ำ ไฟ หรือเดินทางสาธารณะในราคาประหยัด หรือแม้แต่ใช้ฟรีในบางกรณี