3 สมมติฐาน คดีนายกฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ดร.อมรเทพ เผย 3 สมมติฐาน หาก คดีนายกฯ มีผลต่อการเมืองไทย ความไม่แน่นอนที่อาจสั่นคลอนเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ
28 ส.ค.2568 ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า คดีนายกฯ ความไม่แน่นอนทางการเมือง กับผลต่อเศรษฐกิจไทย
ความไม่แน่นอนกำลังสูงขึ้น และอาจกระทบทั้งการลงทุน ความเชื่อมั่น และทิศทางเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 สมมุติฐานหลัก:
1. นายกฯ ไม่ผิด และปฏิบัติหน้าที่ต่อ
เร่งเดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือภาษีนำเข้าของสหรัฐ และดึงดูดการลงทุน
แต่รัฐบาลยังมีความเสี่ยงจาก เสียงปริ่มน้ำ อาจทำให้เกิดแรงกดดันทางการเมือง และมีโอกาสนำไปสู่การเลือกตั้งหลังผ่านงบประมาณ
2. นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ และเปลี่ยนตัวเป็นคุณชัยเกษม นิติสิริ
นโยบายต่อเนื่อง นำโดยพรรคเพื่อไทย การสานต่อด้านต่างๆไม่น่าสะดุด แต่เสถียรภาพการเมืองยังเปราะบางเพราะคะแนนเสียงในสภาปริ่มน้ำเช่นกัน
ความเสี่ยงต่อการเลือกตั้งหลังผ่านงบประมาณยังมีอยู่
3. เปลี่ยนขั้วรัฐบาล
นักลงทุนอาจชะลอการลงทุนเพื่อรอดูนโยบายใหม่งบประมาณปี 2569 ที่เริ่ม 1 ต.ค. ยังเดินหน้า แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจช้าลงเพราะนักลงทุนรอความชัดเจน
ความเสี่ยงใหญ่ที่สุด คือการยุบสภา ซึ่งจะทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณหยุดชะงัก กระทบการลงทุน โครงการก่อสร้าง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยตรง
ทั้งนี้ ไม่ว่าวันพรุ่งนี้ฉากทัศน์ใดจะปรากฏ เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังก็มีความเสี่ยงเติบโตช้าลง หรือถึงขั้นหดตัวเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ความหวังคือไม่ว่าผลจะออกมาทางใด เราอยากเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน เร่งการจ้างงาน สร้างรายได้ ดึงดูดการลงทุน หาตลาดส่งออกใหม่
เพราะหลังจากนี้ไป ไทยยังต้องเผชิญสงครามการค้าที่ขยายวงกว้าง การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของค่าเงิน การหดตัวของสินเชื่อ และรายได้ของผู้บริโภคที่ต่ำ งบประมาณที่จำกัดและกำลังเสี่ยงต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือปรับแนวโน้มเป็นเชิงลบในปีหน้าหากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น จะยิ่งซ้ำเติมการระดมทุนของเอกชน