สิงห์ปาร์ค จับมือ GISTDA ปกป้องนกใกล้สูญพันธ์ หนีหนาวมาอยู่สิงห์ปาร์ค
ก้าวสำคัญของ สิงห์ปาร์ค พัฒนาอย่างยั่งยืน ปกป้องสัตว์ใกล้สูญพันธุ์!!!
สิงห์ปาร์ค เชียงราย ได้ผนึกกำลัง GISTDA นำเทคโนโลยีดาวเทียม มาศึกษา และปกป้อง นกเป็ดดำหัวน้ำตาล สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ที่อพยพมาอยู่ใน สิงห์ปาร์ค เชียงราย พื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ มีทั้งอาหาร และที่พักอาศัย
ทำให้สิงห์ปาร์ค เชียงราย กลายเป็นบ้านของ “สัตว์ 179 ชนิด“ และ ”พืช 52 ชนิด“
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา อีจัน เดินทางไปที่ สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย เกาะติดทำข่าว อีกหนึ่งก้าวสำคัญของ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด ได้ลงนาม ผนึกกำลังจับมือร่วมกับ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA หน่วยงานหลักด้านภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลภูมิสารสนเทศ
เพื่อยกระดับการศึกษาวิจัยด้านคาร์บอน และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อศึกษาต่อยอด และพัฒนาความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดขึ้นในสิงห์ปาร์ค
เพราะสิงห์ปาร์ค เชียงราย นอกจากเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวประจำจังหวัด และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแล้ว ยังมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งกลายเป็นบ้านของสัตว์และพืช รวม 231 ชนิด และที่สำคัญ มีนกเป็ดดำหัวน้ำตาล ซึ่งเป็นนกใกล้สูญพันธุ์ อพยพจากตอนบนของโลก มาอยู่ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย
ทางทีมผู้บริหาร จึงให้ความสำคัญ ที่จะปกป้องรักษา ธรรมชาติในสิงห์ปาร์ค ให้เป็นบ้านของพวกเขา โดยมีการกันพื้นที่ ห้ามบุคคลภายนอก เข้าไปในบ้านของสัตว์ ก่อนได้รับอนุญาต
และตั้งเป้าหมาย ผลักดันให้ สิงห์ปาร์ค เชียงราย เป็น Key Biodiversity Area หรือพื้นที่อนุรักษ์ความหลายหลายทางชีวภาพสูง เพื่อเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน คือ ป้องกัน ฟื้นฟู และให้ความรู้
คุณดอล บุญมั่น กรรมการบริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เปิดเผยว่า สมัยก่อนเชียงรายไม่ได้เป็นจังหวัดหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมา การพัฒนาในภาพรวมจึงไม่ได้เติบโตเร็ว ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วๆ ไป จึงค่อนข้างเรียบง่าย และอาจจะไม่ได้มีรายได้ที่สูงมากนัก
ต่อมา คุณสันติ ภิรมย์ภักดี ได้เห็นถึงช่องว่างตรงนี้ จึงได้มีแนวคิดพัฒนาที่ดินสิงห์ปาร์ค เชียงราย ให้เป็นพื้นที่ โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อสร้างธุรกิจยั่งยืน ที่รับผิดชอบต่อสังคม และได้มีส่วนช่วยเหลือชุมชมควบคู่กันไปด้วย อาทิเช่น การนำกำไรส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือสังคม ให้ทุนการศึกษาเด็กนักเรียน มีโครงการอาหารกลางวัน ซึ่งได้ช่วยต่อเนื่องทุกปี
นอกจากนี้ สิงห์ปาร์ค ยังได้ทำการเกษตร ส่งเสริมอาชีพ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ จ.เชียงราย มีรายได้ สร้างอาชีพให้ชุมชน ที่สำคัญนอกจากเรื่องธุรกิจ เรายังมองเรื่องของความยั่งยืนของธรรมชาติ ที่อยู่ในสิงห์ปาร์คควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเราดูแลความสมบูรณ์ของผืนป่ามาโดยตลอด ทำให้ในปัจจุบันเป็นที่พักอาศัยของสัตว์นานาชนิด ทั้งสัตว์หายาก หรือบางชนิดเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
ด้าน คุณพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย จำกัด เปิดเผยว่า สิงห์ปาร์ค ได้ร่วมมือกับ GISTDA ในการทดลองนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และแม่นยำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการพัฒนาพื้นที่สู่ความสมบูรณ์ทางธรรมชาติทั้งสำรวจ วิเคราะห์ และจัดการคาร์บอน รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ของสิงห์ปาร์ค ทั้งพืชและสัตว์ เป็นพื้นฐานสู่การสร้างความสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน
สิงห์ปาร์ค เชียงราย มีพื้นที่กว่า 8,000 ไร่ มีทั้งพันธุ์พืชและสัตว์หลากหลายชนิด จากการสำรวจและวิจัยร่วมกับสถาบันความหลากหลายทางชีวภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย พบสิ่งมีชีวิตในสิงห์ปาร์คถึง 231 ชนิด แบ่งเป็นสัตว์ 179 ชนิด และพืช 52 ชนิด ซึ่งเพิ่มขึ้นทุกปี จากการสำรวจ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ในสิงห์ปาร์ค
และที่สำคัญ ในสิงห์ปาร์ค เชียงราย ยังพบนกอพยพ อีกหลายสายพันธุ์โดยเฉพาะกลุ่มนกเป็ดน้ำ ที่คาดว่าอพยพมาจากแถบอากาศหนาว เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ไร่ โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณบึง 70 ไร่ของสิงห์ปาร์คทุกปีเป็นระยะเวลาปีละประมาณ 6 เดือน เพื่อใช้ชีวิต หาอาหาร และผสมพันธุ์
โดยกลุ่มนี้มี “นกเป็ดดำหัวน้ำตาล” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 9 ชนิดของนกใกล้สูญพันธุ์ อพยพมาอยู่ในสิงห์ปาร์คเชียงราย
ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน): สทอภ. หรือ GISTDA เปิดเผยว่า วันนี้เป็นโอกาสดีมากๆ ที่เอกชนอย่างสิงห์ปาร์ค เชียงราย ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาธรรมชาติ ไม่ใช่แค่สร้างภาพ แต่ลงมือทำจริง
เพราะที่ผ่านมา GISTDA เราให้ความสำคัญ เรื่องความหลากหลายทาง ชีวภาพ และการจัดการข้อมูล Carbon มาโดยตลอด มีประสบการณ์การทำงานด้านทรัพยากรธรรมชาติ มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย และมีบุคลากรที่มีองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ได้มีการพัฒนาแบบจำลอง (Algorithm) การประเมินการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งเป็นการนำข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมทั้งแบบ Optical และ Radar ร่วมกับข้อมูลจาก LiDAR มาใช้ในแบบจำลอง และผ่านการวิเคราะห์โดยใช้ Machine Learning (ML)
ซึ่งในปัจจุบันวิธีการประเมินการกักเก็บ Carbon ในพืชของ สทอภ. นั้น ผ่านการรับรองจาก อบก. และมีความละเอียดถูกต้องสูง ครอบคลุมทั้งประเทศ และสามารถให้บริการประเมินคาร์บอนที่สะสมในทุกประเภทของป่าในประเทศไทย ได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน และสวนยางพารา
นอกจากนี้ สามารถนำผลการวิเคราะห์ จากแบบจำลองของ GISTDA ไปใช้ขึ้นทะเบียนตามโครงการ T-VER ได้อีกด้วย ตลอดจนการพัฒนาแบบจำลอง จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมและ Machine Learning ร่วมกับข้อมูลสถิติ ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพ ในเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ระหว่างสิงห์ปาร์ค เชียงรายและ GISTDA ที่จะยกระดับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ของสิงห์ปาร์ค ให้สามารถตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และพันธกิจด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม
โดยสิงห์ปาร์ค พร้อมจะต่อยอดโครงการนี้ ไปสู่พื้นที่อนุรักษ์นก รวมถึงการ เปิดเป็นพื้นที่ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพให้คนทั่วไป ได้เข้ามาศึกษาและเรียนรู้