'ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์'ในประเทศร่วง 'จตุพร'ปัดปมสินค้าเกษตรสหรัฐป่วน
ตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดสำหรับข้าวโพดของสหรัฐได้แก่ เม็กซิโก จีน ญี่ปุ่น และโคลัมเบีย โดยมีคู่แข่งสำคัญคือ บราซิล อาร์เจนตินา และยูเครน เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และการส่งออกทั้งหมดจากประเทศเหล่านี้คิดเป็นมากกว่า 50 %ของการค้าข้าวโพดประจำปีทั่วโลก
ดังนั้น การที่สหรัฐกำลังจะรุกตลาดส่งออกสินค้าเกษตรหลายรายการย่อมส่งผลต่อตลาดสินค้าเกษตรภายในประเทศ เช่น ไทย ที่แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนข้อสรุปข้อตกลงการค้าระหว่างไทยและสหรัฐแต่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรของไทยปัจจัยกำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน
ราคาตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุถึงสรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ ราคาข้าวโพดในประเทศช่วงสัปดาห์(4-10 ส.ค.2568) มีดังนี้ ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.19 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 8.31 บาท ของสัปดาห์ก่อน1.44%
ส่วนราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.47 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 6.51 ของสัปดาห์ก่อน0.61 %
ขณะที่ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.75 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 9.80 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.51% ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 299.50 ดอลลาร์ หรือ 9,624.00 บาท/ตัน และ ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนก.ย. 2568 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 383.00 เซนต์ หรือ 4,906.00 บาท/ตัน) ลดลงจากบุชเชลละ 392.00 เซนต์ หรือ 5,050.00 บาท/ตัน ของสัปดาห์ก่อน 2.30% และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 144.00 บาท
เกษตรกรโวยขายได้กก.ละ5.40บาท
นางสาวเพ็ญไพรำ ทองแดง ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรบ้านหม้อ ตำลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำเหลือเพียง 5.40 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยการผลิต ทั้งที่ปกติจะส่งผลผลิตเข้าโรงงานอาหารสัตว์ขนาดใหญ่ซึ่งมีบันทึกความเข้าใจ (MOU) กันไว้ แต่ไม่มีพันธสัญญารับซื้อที่ชัดเจน
ทั้งนี้ เกษตรกรกังวลว่า หากมีการเปิดตลาดนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐ ภายใต้การเจรจาภาษี อาจทำให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่หันไปพึ่งวัตถุดิบจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวโพดในประเทศตกต่ำลงกว่าเดิม โดยราคาที่เคยขายได้และพออยู่ได้ แม้ไม่มีกำไรมาก อยู่ที่ 7–8 บาทต่อกิโลกรัม จึงเรียกร้องให้ภาครัฐรับประกันการรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อนที่จะกำหนดโควตานำเข้า พร้อมทั้งกำหนดราคาประกันที่สามารถแข่งขันได้
ด้าน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อพิจารณารายละเอียดการเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ภายหลังจากไทยได้บรรลุข้อตกลงการค้า โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) กับสินค้านำเข้าทั่วไปจากไทย 19% ซึ่งมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2568
ขณะนี้ทางกระทรวงกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งคาดว่า ต้องใช้เวลาพิจารณาอีกสักระยะหนึ่ง ขณะที่เรื่องอาหารสัตว์ ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์พิจารณาในรายละเอียด แต่ยอมรับว่า ในรายละเอียดมีจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาพอสมควร
แจงยังไม่นำเข้าอยู่ขั้นเจรจาสหรัฐ
ส่วนกรณีที่กลุ่มเกษตรผู้ค้าสุกรและประมง ที่ไม่อยากให้นำสินค้าบางรายการมาเจรจาเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรในประเทศนั้น นายจตุพรยอมรับว่า ขณะนี้กำลังรับข้อมูลของผู้ประกอบการแต่ละราย ที่ผ่านมาได้หารือกับกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม และน้ำมันถั่วเหลือง และได้หารือกับกลุ่มผู้ปลูกข้าวโพดแล้วจากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดมาสรุปรายละเอียดอีกครั้งว่าจะมีอะไรบ้าง
นายจตุพร กล่าวอีกว่า เข้าใจความห่วงกังวลของเกษตรกร โดยย้ำว่าหลักการสำคัญคือ รัฐจะต้องกำหนดมาตรการให้มีการรับซื้อผลผลิตในประเทศให้หมดก่อน จึงจะพิจารณาเปิดนำเข้าได้ ทั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดโควตานำเข้า เนื่องจากการเจรจากับสหรัฐฯ ยังไม่แล้วเสร็จ และต้องหารือรายละเอียดอีกหลายประเด็น
แหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งว่าการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ มีประมาณ 4.7 ล้านตัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ต้องนำเข้าอีกประมาณปีละ 2 ล้านตัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้การนำเข้าส่งผลกระทบกับผลผลิตในประเทศ ในทุกปีกระทรวงเกษตรฯจะขอความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อให้รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศให้หมดก่อน ในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ณ ความชื้น 14 % ในขณะที่โครงการประกันรายได้เกษตรกรกำหนดไว้ที่ กิโลกรัมละ 8.50 บาท เท่ากับว่าเกษตรกรจะขายสินค้าได้ในราคาที่กำหนดไว้โดยแทบไม่ได้รับผลกระทบจากราคาตลาดแต่อย่างใด
โรงงานเปล่าปิดซ่อมเลี่ยงรับซื้อ
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุลนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า ประเด็นราคาข้าวโพดตกต่ำในช่วงนี้ว่า ช่วงเดือนส.ค.-พ.ย. เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูกาลผลผลิตข้าวโพดออกสู่ตลาด เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน ในขณะที่ความต้องการใช้อยู่ที่เดือนละ 7.6 แสนตัน จำนวนผลผลิตที่ล้นตลาดส่งผลให้ราคาปรับลดลง
จากรายงานพบว่าปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์เปิดรับซื้อกว่า 90% ยังเหลืออีก 10% ที่อยู่ระหว่างซ่อมบำรุงเครื่องจักร และคาดว่าจะเปิดรับซื้อได้ทั้งหมดภายในต้นเดือนก.ย.นี้ ทั้งนี้ ไม่ใช่การชะลอรับซื้อแต่อย่างใด เนื่องจากทุกโรงงานยังต้องซื้อเพื่อรักษาสิทธิ 3:1 ไว้
“ แม้จะเปิดรับครบทุกโรงงานก็ไม่สามารถรองรับปริมาณข้าวโพดในตลาดได้ทั้งหมด ซึ่งรัฐบาลทราบดีจึงได้มีโครงการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์โดยการออกโครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ สำหรับผู้รวบรวม และสถาบันเกษตรกร มาช่วยตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้ราคาตกต่ำ”