สพฐ. ขานรับ ดันวิชาประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง สอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหาร สพฐ. ครั้งที่ 30/2568 โดยเน้นย้ำข้อสั่งการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. เพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเร่งด่วน และติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้สั่งการไปแล้ว โดยมีผู้บริหารระดับสูงของ สพฐ. ได้แก่ นายภูธร จันทะหงษ์ ปุณยจรัสธำรง ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. นางภัทริยาวรรณ พันธุ์น้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. รวมถึงผู้อำนวยการเขตตรวจราชการ ผู้อำนวยการสำนักต่าง ๆ และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม สพฐ. 1 อาคาร สพฐ. 4 ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ และผ่านระบบ Zoom meeting
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมได้หารือหลายประเด็นที่สำคัญ อาทิ ความคืบหน้าการขับเคลื่อนการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ตามที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้มอบหมายให้ สพฐ. ดำเนินการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนวิชาดังกล่าว เพื่อปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนมีความสำนึกรักชาติ เข้าใจหน้าที่พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีความรอบรู้ด้านภูมิศาสตร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
โดยปรับโครงสร้างเวลาเรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ให้เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันในระดับประถมศึกษา มีการเรียนประวัติศาสตร์ไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อปี ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อปี และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่น้อยกว่า 80 ชั่วโมงต่อสามปี ส่วนการจัดการเรียนรู้และการวัดและประเมินผล ให้ใช้แนวคิดการจัดการเรียนรู้เชิงรุก พร้อมทั้งใช้สื่อร่วมสมัยที่เหมาะสมกับวัยผู้เรียน เช่น สื่อดิจิทัล แอนิเมชัน สื่อเทคโนโลยี AR ที่ส่งเสริมกระบวนการคิด
รวมถึงสื่อจากแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์และแหล่งเรียนรู้ชุมชน ในด้านการประเมินให้ประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียนเป็นหลัก เน้นกระบวนการคิดมากกว่าการท่องจำ และใช้วิธีประเมินที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับการพัฒนาครู ให้สามารถจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิด วิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติจริง และการปรับปรุงสื่อและหนังสือเรียน ให้มีความถูกต้อง ทันสมัย เป็นปัจจุบัน และสวยงามน่าสนใจ
นอกจากนี้ ตามที่ รมว.ศธ. มีแนวคิดที่จะเพิ่มสัดส่วนวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ในการสอบเข้าศึกษาต่อของนักเรียน ก็ได้เตรียมประสานกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในการใช้ความสามารถด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง เป็นส่วนหนึ่งของการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
พร้อมทั้งมอบหมายสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) ให้มีการนำความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง เป็นเกณฑ์ในการสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการของ สพฐ. ด้วย ส่วนการสอบเข้าศึกษาต่อของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 เป็นเรื่องที่ยังต้องหารือกันต่อไปในรายละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลาและมีความรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับนักเรียนทุกคน
“พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในการขับเคลื่อนการศึกษาตามประเด็นสำคัญที่ รมว.ศธ. ได้ฝากไว้ นอกจากการส่งเสริมวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ยังมีเรื่องของการปรับปรุงการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทพื้นที่ รวมถึงการลดภาระงานครู เพื่อให้ครูมีเวลาพัฒนางาน มุ่งสอนลูกศิษย์ได้มากยิ่งขึ้น และการเพิ่มสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน และวางรากฐานชีวิตที่ดีให้กับเด็กไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว