รวมกันเราอยู่! 'จีน-อินเดีย' บรรลุข้อตกลงฟื้นเที่ยวบินตรง-กระชับสายสัมพันธ์ด้านธุรกิจ
อินเดียและจีนบรรลุข้อตกลงในวันอังคาร (19 ส.ค.) ที่จะกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงอีกครั้ง ตลอดจนเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของ 2 มหาอำนาจเพื่อนบ้านที่จะฟื้นฟูสายสัมพันธ์ที่ตึงเครียดจากเหตุปะทะชายแดนเมื่อปี 2020
2 ชาติยักษ์ใหญ่แห่งเอเชียเริ่มหันมากระชับความสัมพันธ์อย่างระมัดระวัง ท่ามกลางนโยบายต่างประเทศที่คาดเดาไม่ได้ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โดยได้จัดการประชุมทวิภาคีระดับสูงกันมาแล้วหลายครั้ง
คำแถลงล่าสุดนี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายๆ ของการเยือนนิวเดลีเป็นเวลา 2 วันของ หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เพื่อร่วมหารือรอบที่ 24 กับ อาจิต โดวาล ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอินเดีย เพื่อแก้ไขข้อพิพาทชายแดนที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ
กระทรวงการต่างประเทศอินเดียแถลงโดยไม่ลงรายละเอียดว่า การเจรจาชายแดนครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถอนทหารที่ทั้ง 2 ชาติส่งไปตรึงกำลังไว้บริเวณชายแดนเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงการกำหนดเขตแดนและกิจการด้านพรมแดน
การเจรจาดูเหมือนจะยังไม่คืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และปักกิ่งระบุว่าทั้ง 2 ประเทศตกลงที่จะพบกันอีกครั้งที่จีนในปี 2026
อย่างไรก็ดี จีนและอินเดียตกลงที่จะกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงอีกครั้ง ส่งเสริมการค้าและการลงทุน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าให้เป็นไปอย่างราบรื่น
เที่ยวบินตรงระหว่างจีนกับอินเดียถูกระงับนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 และทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่แน่นอนในการกลับมาให้บริการอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดียโพสต์ข้อความบน X หลังพบปะกับ หวัง อี้ ว่า "ความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพ คาดเดาได้ และสร้างสรรค์ระหว่างอินเดียและจีน จะมีส่วนสำคัญต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก"
โมดี มีกำหนดเดินทางเยือนจีนในช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation) ซึ่งถือเป็นการเยือนจีนครั้งแรกของเขาในรอบกว่า 7 ปี
รายงานจากกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า หวัง ได้กล่าวกับ โดวาล ว่า "การพัฒนาความสัมพันธ์จีน-อินเดียที่มั่นคงและเข้มแข็งนั้นขึ้นอยู่กับผลประโยชน์พื้นฐานของประชาชนทั้งสองประเทศ"
หวัง ย้ำว่า ทั้งสองฝ่าย "ควรเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันผ่านการเจรจาและขยายความร่วมมือ" และควรมุ่งไปที่ฉันทามติในด้านต่างๆ เช่น การควบคุมชายแดน และการเจรจากำหนดเขตแดน เป็นต้น
อินเดียกล่าวว่า สุพรหมณยัม ชัยศังกระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เน้นย้ำถึงความกังวลของอินเดียเกี่ยวกับเขื่อนขนาดใหญ่ที่จีนกำลังสร้างบนแม่น้ำยาร์ลุงซางโปในทิเบต
แม่น้ำยาร์ลุงซางโปนั้นกลายเป็นแม่น้ำพรหมบุตรเมื่อไหลเข้าสู่อินเดียและบังกลาเทศ ซึ่งเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของผู้คนหลายล้านคน
เขื่อนดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อประเทศที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำตอนล่าง และนิวเดลีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่การก่อสร้างเขื่อนนี้จะต้องมีความ "โปร่งใสสูงสุด"
ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า จีนตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลอุทกวิทยาฉุกเฉินเกี่ยวกับแม่น้ำที่ต่างๆ แก่อินเดีย ตามหลักการด้านมนุษยธรรม
กระทรวงฯ แถลงด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดตั้งกลไกระดับผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแม่น้ำข้ามพรมแดน และคงการสื่อสารเพื่อฟื้นฟูข้อตกลงเกี่ยวกับการรายงานอุทกภัย
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จีนเคยกล่าวไว้ว่า โครงการไฟฟ้าพลังน้ำในทิเบตจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมหรือแหล่งน้ำปลายน้ำ แต่อินเดียและบังกลาเทศไฝก็ยังคงแสดงความวิตกกังวล
ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (19) แหล่งข่าวอินเดียระบุว่า หวัง ได้ให้คำมั่นกับ ชัยศังกระ ว่าปักกิ่งกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาสำคัญ 3 ประการของอินเดีย ได้แก่ ความต้องการปุ๋ย แร่ธาตุหายาก และเครื่องเจาะอุโมงค์
กระทรวงการต่างประเทศและเหมืองแร่ของอินเดีย และกระทรวงพาณิชย์ของจีน ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนในประเด็นนี้
ที่มา: รอยเตอร์
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO