‘ไชยชนก’หนุนยกเลิก MOU ปี 43-44 หวั่นผลประโยชน์ทับซ้อน แนะทำประชามติ
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 68 นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แสดงจุดยืนหนุนให้มีการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยให้เหตุผลว่า สถานการณ์ปัจจุบันไม่เป็นผลดีต่อไทย หวั่นผลประโยชน์สองตระกูลทับซ้อน และการคงไว้ซึ่ง MOU ดังกล่าว อาจกลายเป็นชนวนปัญหาใหญ่ด้านดินแดนในอนาคต ซึ่งพรรคภูมิใจไทยติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายที่ต้องการยกเลิกมองว่า MOU ทั้ง 2 ฉบับ ส่งผลกระทบต่อเขตแดน และปัจจุบันไทยกำลังเผชิญการรุกล้ำดินแดนอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นความไม่เป็นธรรม ขณะที่ฝ่ายที่ต้องการคงไว้ให้เหตุผลว่า จำเป็นเพื่อรักษาช่องทางเจรจาระหว่างประเทศ แต่ตนยืนยันว่า แม้ไม่มี MOU ไทยและกัมพูชา ก็ยังสามารถเจรจาทวิภาคีกันได้
นายไชยชนก กล่าวว่า MOU ปี 2543 เป็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดทำหลักเขตแดนทางบก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชายังมีข้อพิพาทคาราคาซัง ส่วน MOU ปี 2544 เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขตทางทะเลที่อุดมด้วยทรัพยากรมหาศาล โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ หลายฝ่ายเห็นพ้องว่านี่คือจังหวะเหมาะสมที่สุดที่รัฐบาลควรหยิบประเด็น MOU 43 และ 44 มาพิจารณายกเลิก เนื่องจากกัมพูชาแสดงออกถึงการไม่เคารพกฎเกณฑ์ด้วยการละเมิดข้อตกลงหลายครั้ง มีแต่ทางไทย ที่พยายามรักษาสิ่งเหล่านี้
“ตอนนี้ยังมีประเด็นของความไม่ไว้วางใจในรัฐบาล และข้อกังวลว่า MOU ทั้ง 2 ฉบับนี้ มีเป้าหมายสำหรับประโยชน์ต่อ 2 ตระกูลมากกว่าต่อ 2 ประเทศ จึงอยากให้มีการตั้งกรรมาธิการมาพิจารณาหาความจริง และทางออกที่เหมาะสม” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าว
นายไชยชนก ได้เสนอว่า หากมีความจำเป็นควรพิจารณาทำข้อตกลงทวิภาคีฉบับใหม่ให้ชัดเจน และรัดกุมกว่าเดิม โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายควรฟังเสียงประชาชน ซึ่งส่วนตัวมองว่าควรพิจารณาถึงขั้นทำประชามติในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและได้รับการยอมรับจากสังคมทั้งประเทศ.