โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สื่อสิงคโปร์ตีข่าว กัมพูชากวาดล้างสแกมเมอร์ แต่ไม่แตะรายใหญ่

THE STANDARD

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
สื่อสิงคโปร์ตีข่าว กัมพูชากวาดล้างสแกมเมอร์ แต่ไม่แตะรายใหญ่

สำนักข่าว Channel News Asia เผยแพร่บทความแสดงความคิดเห็น ที่ชี้ถึงปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการหลอกลวงข้ามชาติครั้งใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังถูกขนานนามจากนานาชาติในฐานะเมืองหลวงหรือศูนย์กลางอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ของโลก

บทความดังกล่าว ถูกตีแผ่โดย ดร.อีวาน ฟรานเชสชินี อาจารย์ประจำภาควิชาภาษาจีนศึกษา มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ผู้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการหลอกลวงทางไซเบอร์ และหลิง ลี่ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีการค้าทาสสมัยใหม่ จากมหาวิทยาลัย Ca’ Foscari แห่งเวนิส

โดยทั้งสองชี้ว่า ถึงแม้กัมพูชาจะแสดงความจริงจังในการปฏิบัติการกวาดล้างและจับกุมสมาชิกขบวนการสแกมเมอร์ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ต่างจากการปราบปรามครั้งก่อนๆ ที่ส่วนใหญ่จำกัดอยู่แค่ในเมืองชายฝั่งสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงที่สำคัญ

แต่สิ่งที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด คือรูปแบบการปราบปรามที่ไม่ต่างจากในอดีต โดยมุ่งเน้นไปที่ขบวนการสแกมเมอร์ที่มีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ในขณะที่ขบวนการรายใหญ่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบ

ผู้เขียนบทความชี้ว่า ในหลายกรณี มีรายงานว่ามีการแจ้งเบาะแสล่วงหน้าแก่สมาชิกในขบวนการเพื่อให้อพยพออกจากสถานที่ตั้งก่อนที่ตำรวจจะบุกค้น โดยจำนวนมากย้ายไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ใกล้ชายแดนเวียดนาม ซึ่งดูเหมือนจะดำเนินงานได้โดยไร้การตรวจสอบและปราบปราม

ทั้งนี้ การยกระดับปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการสแกมเมอร์ทั่วกัมพูชา เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม โดยนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยอมรับถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมนี้ และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ระดับจังหวัด หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ศาล และคณะกรรมการการพนันแห่งชาติ ดำเนินการปราบปราม

ตำรวจเริ่มบุกค้นที่ตั้งขบวนการหลอกลวงทั่วประเทศ ในขณะที่ช่อง Telegram ที่บรรดาอาชญากรไซเบอร์ใช้ในการสื่อสารและแจ้งข่าวก็เกิดความวุ่นวายและมีการเตือนถึงการเอาจริงของกัมพูชาในปฏิบัติการปราบปรามครั้งนี้

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม รัฐบาลกัมพูชาประกาศว่า ได้ดำเนินการบุกจับเกือบ 140 แห่ง นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยมากกว่า 3,000 คนจากอย่างน้อย 19 ประเทศ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งมาจากจีนและเวียดนาม

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่สำคัญคือทางการกัมพูชา ระบุว่ามี ‘ผู้ต้องสงสัย’ เพียงไม่กี่คนที่ถูกกักขังและบังคับให้ทำงานในขบวนการหลอกลวงโดยไม่สมัครใจ ซึ่งสวนทางกับงานวิจัยของผู้เขียนบทความซึ่งเผยแพร่ใน The Conversation ก่อนหน้านี้ และพบว่ามีเหยื่อหลายพันคนถูกค้ามนุษย์หรือถูกหลอกลวงเข้าไปกักขังในที่ตั้งของขบวนการสแกมเมอร์เหล่านี้ และถูกบังคับให้ทำงานในสภาพที่คล้ายกับการค้าทาสในยุคสมัยใหม่

ผู้นำสแกมเมอร์ คนใกล้ชิดฮุนเซน

การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ของกัมพูชาครั้งนี้ ได้รับเสียงชื่นชมจากจีนและหลายประเทศ แต่ผู้เขียนบทความยังคงตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามที่เกิดขึ้นนั้น เพียงพอที่จะทำลายอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ในกัมพูชาได้จริงหรือ

ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสแกมเมอร์ในกัมพูชา ส่วนใหญ่มีการตั้งฐานดำเนินการอย่างเปิดเผยและหยั่งรากลึกในประเทศมายาวนานหลายปี โดยผู้นำหรือหัวหน้าขบวนการหลายคน ต้องสงสัยว่าเป็นบุคคลระดับสูงที่มีความใกล้ชิดผู้นำประเทศ เช่น ออกญา ลี ยงพัด (Ly Yong Phat ) สมาชิกวุฒิสภาและที่ปรึกษาส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถูกกระทรวงคลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรจากการทำธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์และอุตสาหกรรมหลอกลวงทางไซเบอร์ และก๊กอาน สมาชิกวุฒิสภาและคนใกล้ชิดฮุนเซน ที่ทางการไทยออกหมายจับไปก่อนหน้านี้

ขณะที่ผู้เขียนบทความยังชี้ให้เห็นถึงการยกระดับปราบปรามสแกมเมอร์ดังกล่าว ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาปะทุขึ้นจนกลายเป็นการสู้รบ ซึ่งทำให้ประชาชนนับแสนคนต้องอพยพ ซึ่งชาวไทยจำนวนไม่น้อย เชื่อว่าความขัดแย้งรอบนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ไทยยกระดับปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา เช่นการปิดด่าน ตัดไฟและอินเทอร์เน็ต

สิ่งที่กัมพูชาต้องทำ

ขณะที่ผู้เขียนบทความชี้ว่า การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ในอดีตล้มเหลว เพราะไม่ได้คำนึงถึงเสาหลัก 2 ประการที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้เจริญรุ่งเรือง ได้แก่

1.เครือข่ายท้องถิ่นที่มีอำนาจ ซึ่งให้การปกป้องขบวนการสแกมเมอร์

2.โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่ซับซ้อนของสถานที่ตั้งขบวนการสแกมเมอร์

ซึ่งตราบใดที่กลุ่มชนชั้นนำในกัมพูชายังคงให้การปกป้องขบวนการสแกมเมอร์เหล่านี้ อุตสาหกรรมสแกมเมอร์ในกัมพูชาก็ยังสามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง หลังจากที่แรงกดดันและการปราบปรามลดลง

การปราบปรามเป็นระยะๆ อาจทำให้สถานการณ์สั่นคลอนชั่วคราว โดยผู้ที่ถูกจับกุมมักจะเป็นสมาชิกระดับล่าง ไม่ใช่ผู้นำหรือหัวหน้าขบวนการ

และเมื่อการปราบปรามเหล่านี้สิ้นสุดลง กิจกรรมหลอกลวงข้ามชาติก็จะกลับมาอีกครั้ง

ภาพ: แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

อ้างอิง:

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

หนุ่ม กรรชัย ชี้แจงหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการต่อว่าทีมงานออกอากาศ

11 นาทีที่แล้ว

Ralph Lauren ทำกำไรเพิ่มขึ้นถึง 30.7% อยู่ที่ 7.12 พันล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา

33 นาทีที่แล้ว

เอกนัฏ ลงนามประกาศห้ามตั้ง-ขยายโรงงานที่ใช้สารปรอทและห้ามใช้สารปรอทในกระบวนการผลิต มีผล 1 ก.ย. นี้

52 นาทีที่แล้ว

เพื่อไทยเผย สถานการณ์ปะทะยุติแล้ว รัฐบาลเร่งส่งผู้อพยพกลับบ้าน มท.1 เรียกประชุมผู้ว่าฯ เดินหน้า 5 มาตรการเร่งด่วน คืนสภาพความเป็นอยู่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

การเมืองในศึกไทย-กัมพูชา

ประชาชาติธุรกิจ

สรุปเรื่องชุลมุนกรณีพิพาท ‘เขากระโดง’ ตระกูลใหญ่พัวพัน กรมที่ดินเกียร์ว่าง หนังม้วนยาวที่ยังไม่มีจุดจบ

The Momentum

ทหารไทย เข้าล้อมรั้วลวดหนามชายแดน 9.8 กม. ชายแดนสระแก้ว

คมชัดลึกออนไลน์
วิดีโอ

เสียวไส้! จ่อเรียก "หมอบี" รับทราบข้อหาฉ้อโกง-ฟอกเงิน ตร.ปล่อยหมัดน็อค บ้านและรถ

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ชาวพุทธหาดใหญ่ตักบาตรพระสงฆ์นานาชาติ 10,000 รูป ทำความดีเพื่อแม่ เพื่อพ่อ”

สำนักข่าวไทย Online

ศูนย์ทุ่นระเบิด เร่งให้ความรู้ชาวบ้านก่อนกลับภูมิลำเนา

ไทยโพสต์

“อรรถกร” ลงบุรีรัมย์ช่วยเกษตรกร ปล่อยขบวนหญ้า-อาหารสัตว์พระราชทาน เร่งสำรวจความเสียหาย เยียวยาเพิ่ม

Manager Online

“ลำตะคอง” ส่อวิกฤต ฝนไม่ตกลงเขื่อน เหลือน้ำใช้ร้อยละ 20

TNN ช่อง16

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘บุ๋ม-ปนัดดา’ เปิดตัวงานแรกฐานะโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. รับมอบเงินและสิ่งของจากหลวงพ่อวราห์ วัดโพธิ์ทอง ส่งต่อทหารชายแดน ไทย-กัมพูชา

THE STANDARD

‘4 ชั่วโมงใต้เสียงระเบิด’ บันทึกจากพยาบาลแนวหน้า ณ โรงพยาบาลพนมดงรัก

THE STANDARD

กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาหลังทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่วางใหม่ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...