สร้อยคอยืมเพื่อน-ปั่นหุ้นฉาว ชีวิตตกสวรรค์ของ ‘คิม กอนฮี’ อดีตสตรีหมายเลข 1 ‘ยุน ซอกยอล’
อดีตสตรีหมายเลข 1 ‘เกาหลีใต้’ ตกสวรรค์
เข้าคุกตาม ‘ยุน ซอกยอล’
สินบนฉาว ‘สร้อยคอยืมเพื่อน’ ปั่นหุ้น โกงโพล
การเมืองเกาหลีใต้ มาถึงจุดที่อดีตประธานาธิบดีและคู่สมรส ถูกศาลสั่งคุมขังทั้งคู่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์การเมืองของประเทศ และแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการเมืองโลก
นี่เป็นผลจากการที่อดีตประธานาธิบดี ยุน ซอกยอล ถูกดำเนินคดี จากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งตัวเขาเองก็ยังถูกดำเนินคดีอยู่ในตอนนี้
แต่สถานกรณ์ในวันนี้หนักหนาขึ้น เพราะการดำเนินคดีลามไปถึง ‘คิม กอนฮี’ ภริยาของอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ซึ่งกำลังถูกสอบสวนโยงถึงการรับสินบน ทุจริต ไปจนถึงการปั่นหุ้น
ข้อหาที่เธอกำลังเผชิญนั้น ร้ายแรงถึงขั้นที่ศาลต้องสั่งควบคุมตัวเธอเอาไว้ เพราะกังวลว่า หากปล่อยให้อดีตสตรีหมายเลข 1 มีอิสระระหว่างดำเนินคดี เธออาจจะไปทำลายหลักฐานได้
ชีวิตดั่งนิยายของอดีตสตรีหมายเลข 1 จากจุดสูงสุดถึงจุดต่ำสุด และเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาวของเธอเป็นอย่างไร วันนี้สำนักข่าวทูเดย์จะสรุปให้อ่านกัน
[รับสินบนเป็นเครื่องประดับหรู]
คิม กอนฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ภริยาอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล เกิดเมื่อเดือน ก.ย. ปี 1972 โดยมีชื่อเดิมว่า คิม มยองซิน ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเมื่อปี 2008
เธอจบการศึกษาด้านศิลปะ จากมหาวิทยาลัยคยองกี เธอมีบริษัทจัดแสดงงานศิลปะของตัวเอง ก่อนจะแต่งงานกับยุน ซอกยอล เมื่อปี 2012
เธอถูกจับตาในฐานะสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ทันทีที่ยุน ซอกยอล ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ด้วยภาพลักษณ์การแต่งตัวที่สะท้อนความนิยมในแฟชั่น ทำให้เธอถูกจับตาถึงเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับที่เธอใส่ออกงานทุกครั้ง
และนี่ก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุของคดีที่เธอกำลังถูกฟ้องอยู่ เพราะมีข้อกล่าวหาว่า เธอรับสินบนผ่านเครื่องประดับราคาแพงเหล่านั้น
เมื่อปี 2022 คิม กองฮี เดินทางไปสเปนในฐานะสตรีหมายเลข 1 พร้อมกับประธานาธิบดียุน ซอกยอล เพื่อร่วมการประชุมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) หลายคนสะดุดตากับสร้อยคอ ‘แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์’ (Van Cleef & Arpels) ที่เธอสวมระหว่างร่วมงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำ
สร้อยคอเส้นนี้ เชื่อว่าน่าจะมีราคากว่า 60 ล้านวอน หรือราว 1.4 ล้านบาท แต่สิ่งที่น่าสนใจไปยิ่งกว่านั้น คือ ไม่ปรากฎสร้อยคอเส้นนี้อยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่เธอยื่นต่อทางการ
ในตอนแรก สำนักประธานาธิบดีเกาหลีใต้อ้างว่า เธอยืมคนอื่นมาใส่ แต่ในเวลาต่อมา หลังจากที่สามีของเธอพ้นตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้แล้ว คิม กอนฮีกลับยอมรับว่า สร้อยคอเส้นนี้เป็นของปลอม จึงไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน
แต่ทั้งหมดอาจไม่ใช่ความจริงเลย เพราะในอีกมุมหนึ่ง เจ้าหน้าที่เข้าสอบปากคำประธานบริษัท ‘โซฮี’ ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างในเกาหลีใต้ ซึ่งยอมรับว่า เขาให้สร้อยคอเส้นนี้กับคิม กอนฮี เพื่อแลกกับการฝากลูกเขยเข้าทำงานในรัฐบาลยุน ซอกยอล
ถ้าเป็นไปตามคำให้การของประธานบริษัทก่อสร้าง คิม กอนฮี ก็อาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานรับสินบน
กรณีที่เชื่อมโยงกับการรับสินบน ไม่ได้มีแค่นี้ เพราะก่อนหน้านี้ คิม กอนฮี เคยตกเป็นข่าวอื้อฉาวถึงการรับสินบนเป็นสร้อยคอ ‘กราฟ’ (Graff) และกระเป๋า ‘ชาแนล’ (Chanel) 2 ใบ มูลค่าราว 5 แสนบาทจากผู้สื่อวิญญาณที่เป็นตัวแทนของโบสถ์แห่งหนึ่ง เพื่อแลกกับการสนับสนุนโบสถ์ดังกล่าว
รายงานระบุว่า โบสถ์ที่ว่านี้ให้การสนับสนุนยุน ซอกยอล เป็นประธานาธิบดีตั้งแต่แรก และเมื่อยุน ซอกยอล สามีของเธอเป็นผู้นำเกาหลีใต้แล้ว เธอได้ใช้อำนาจล็อกเงินช่วยเหลือด้านการพัฒนาของรัฐบาล มอบให้กับโบสถ์แห่งนี้
โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2023 ภริยายุน ซอกยอลเคยตกเป็นข่าวใหญ่ จากการถูกตั้งกล้องแอบถ่ายว่าเธอได้รับมอบกระเป๋า Dior จากบาทหลวงคนหนึ่ง โดยในคลิปเธอยังพูดด้วยว่า ทำไมถึงชอบเอาของเหล่านี้มาให้กับฉัน สอดคล้องกับบาทหลวงที่นำเรื่องนี้มาเปิดโปงว่า เคยให้น้ำหอม Chanel และเครื่องประทินผิวราคาแพงให้กับเธอมาแล้ว
เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังพบกล่องนาฬิกาหรู ‘วาเชอรอง คอนสแตนติน’ (Vacheron Constantin) พร้อมใบรับรองว่าเป็นของจริง ซึ่งเชื่อว่าเธอน่าจะได้รับนาฬิกานี้มาจากนักธุรกิจใหญ่ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทางการเมืองรายใหญ่ของยุน ซอกยอล แลกกับดีลซื้อหุ่นยนต์สุนัขตรวจการณ์ ประจำหน่วยอารักขาประธานาธิบดี
รายงานระบุว่า นักธุรกิจดังกล่าวยอมรับแล้วว่า มีการมอบนาฬิกาหรูให้กับสตรีหมายเลข 1 จริง แต่อ้างว่า เป็นการมอบให้หลังจากที่เธอแสดงความสนใจ และเขาก็ซื้อได้ในราคาพิเศษ ซึ่งคิม กอนฮี ก็จ่ายเงินสดเพื่อซื้อต่อไปอีกที
[รื้อคดีปั่นหุ้น เอาผิดแทรกแซงผู้สมัครเลือกตั้ง]
อีกคดีหนึ่ง ที่เชื่อได้ว่าอยู่ในการสอบสวนเอาผิดสตรีหมายเลข 1 เกาหลีใต้ครั้งนี้ด้วย คือคดีที่คิม กอนฮี ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมปั่นหุ้น
เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2022 ก่อนหน้าที่ยุน ซอกยอล สามีของเธอจะขึ้นเป็นประธานาธิบดี โดยพรรคฝ่ายตรงข้ามของยุน ซอกยอล กล่าวหาว่า คิม กอนฮีและแม่ของเธอปั่นหุ้นบริษัท ‘Deutsch Motors’ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ BMW และทำเงินได้ถึง 800 ล้านวอน หรือราว 19 ล้านบาท ในช่วงปี 2009-2012
เดิมทีคิม กอนฮี พ้นข้อกล่าวหาในคดีไปแล้วตั้งแต่เมื่อปีก่อน โดยในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ชี้ว่า บัญชีของเธอถูกใช้ปั่นหุ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถูกกลับมาปัดฝุ่นอีกครั้งในการสอบสวนรอบล่าสุด
นอกจากนี้ ยังมีคดีที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาเธอว่า เข้าไปแทรกแซงกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร ในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาเมื่อปี 2022 และการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2024 โดยเชื่อมโยงว่าเธอได้รับสินบนจากการดำเนินการนี้กว่า 270 ล้านวอน หรือราว 6 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีข้อกล่าวหาโกงผลสำรวจเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของสามี ก่อนจะขึ้นเป็นผู้นำเกาหลีใต้
[ประวัติไม่สวยหรู ด่างพร้อยด้วยคำโกหก]
แต่นอกเหนือจากคดีความล่าสุด คิม กอนฮี ก็เคยมีประวัติด่างพร้อยมาก่อนแล้ว โดยเฉพาะการถูกเปิดโปงว่า เธอเคยเขียนประวัติการทำงานปลอม เพื่อยื่นสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนยุน ซอกยอล สามีของเธอเป็นผู้นำเกาหลีใต้ เธอถูกสื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้แฉว่า เธอเขียนประวัติส่วนตัวปลอม เพื่อสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยซูวอนเมื่อปี 2007
เธออ้างในประวัติปลอมว่า เคยเป็นผู้อำนวยการสมาคมอุตสาหกรรมเกมแห่งเกาหลีใต้เมื่อปี 2002 ทั้งๆ ที่สมาคมดังกล่าวก่อตั้งเมื่อปี 2004 และเอาเข้าจริง เธอไม่มีประวัติทำงานที่นั่นด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ เธอยังอ้างว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กเมื่อปี 2006 ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นนักเรียนจริง
รายงานยังขุดคุ้ยพบว่า เมื่อปี 2013 เธอได้ยื่นประวัติการทำงานไปยังมหาวิทยาลัยอันยาง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในเกาหลีใต้ ระบุว่าเธอได้รับรางวัลจากเทศกาลการ์ตูนและแอนิเมชันนานาชาติ แต่จากการตรวจสอบไม่พบว่าเธอได้รับรางวัลนี้มาก่อน
การหลอกลวงประวัติของตัวเองในครั้งนั้น ทำให้เธอจนมุม และต้องยอมรับผิด เธอแก้ตัวว่าเป็นผลจากความพยายามสร้างสมดุลระหว่างหน้าที่การงานกับสิ่งที่ได้เรียนมา อีกทั้งยังยอมรับว่า เธอกำลังทำให้สามี ซึ่งในตอนนั้นลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ตกอยู่ภาวะยากลำบาก
[ตกสวรรค์ตามสามี ‘ยุน ซอกยอล’ สู้คดีกบฎ]
ปัจจุบัน คิม กอนฮี ถูกตั้งข้อหารวมทั้งสิ้น 16 ข้อหา แต่การออกหมายจับและนำไปสู่การควบคุมตัวเธอในตอนนี้ มาจากเพียง 3 ข้อหาเท่านั้น ซึ่งศาลให้เหตุผลว่า หากปล่อยเธอเป็นอิสระตอนนี้ เธออาจไปทำลายหลักฐาที่เกี่ยวข้องได้
รายงานระบุว่า ในการสอบปากคำ เธอได้เอ่ยปากขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในชั้นไต่สวน เธอเลือกที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
หลายฝ่ายประเมินว่า ข้อหาต่างๆ ที่อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้เผชิญอยู่ในตอนนี้ อาจทำให้เธอถูกลงโทษจำคุกนานหลายปีได้เลย
ในขณะที่ฝ่ายภริยา กำลังมีความเสี่ยงเจอโทษจำคุกสถานหนัก ฝ่ายสามี คืออดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ก็กำลังเผชิญกับข้อหากบฎ ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิต หรืออาจถูกประหารชีวิตทีเดียว ซึ่งอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ปฏิเสธข้อกล่าวหาเช่นกัน
โดยนอกจากการปฏิเสธข้อกล่าวหาแล้ว ยังมีรายงานว่า เขาปฏิเสธกระบวนการสอบสวนด้วย โดยเมื่อต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานว่า เขาขัดขืนเจ้าหน้าที่ด้วยการนอนลงกับพื้นห้องคุมขัง ในสภาพที่เขาสวมชุดชั้นใน เพราะไม่ยอมสวมชุดนักโทษ