แพทย์ฮาร์วาร์ด ให้คะแนน 2 เครื่องดื่ม "บำรุงตับชั้นยอด" คนไทยดื่มกันมานานแล้ว!
แพทย์จากฮาร์วาร์ด แนะนำ 2 เครื่องดื่ม "บำรุงตับชั้นยอด" ให้คะแนน 10 เต็ม 10 คนไทยดื่มกันมานานแล้ว
นอกจากอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว เครื่องดื่มที่เราดื่มในชีวิตประจำวันก็มีผลต่อสุขภาพของตับเช่นกัน เพราะตับมีหน้าที่สำคัญในการกรองสารพิษจากเลือด ผลิตน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร รวมถึงแปรสภาพสารอาหารให้เป็นพลังงานที่ร่างกายสามารถใช้งานได้
Dr. Saurabh Sethi แพทย์เฉพาะทางด้านระบบทางเดินอาหารในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และเป็นผู้ที่เคยได้รับการฝึกอบรมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า ทุกสิ่งที่เราบริโภคเข้าไป ตั้งแต่อาหารไปจนถึงเครื่องดื่ม ล้วนมีผลต่อการทำงานของตับ
เมื่อไม่นานมานี้ คุณหมอได้เผยแพร่วิดีโอบนโซเชียลมีเดียของตนเอง โดยทำการจัดอันดับเครื่องดื่มยอดนิยม 10 ชนิดตามเกณฑ์"ดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพตับ" ซึ่งเครื่องดื่มที่ได้คะแนน 10 เต็ม 10 ถือว่าดีที่สุดสำหรับตับ ในขณะที่คะแนน 1/10 คือเครื่องดื่มที่อาจส่งผลเสียหากดื่มมากเกินไป
จากการจัดอันดับนั้นพบว่าน้ำเปล่า และกาแฟดำ คือ 2 เครื่องดื่มที่ได้คะแนนสูงสุด และถือว่า "บำรุงตับได้ดีที่สุด"
น้ำเปล่า - ได้คะแนน 10/10
คุณหมออธิบายว่า การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน ช่วยให้ตับสามารถกำจัดสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยสนับสนุนกระบวนการเผาผลาญพลังงานให้เป็นไปอย่างราบรื่น
“น้ำคือสารขับพิษที่ดีที่สุด ช่วยให้ตับทำหน้าที่กรองของเสีย และปกป้องเซลล์ให้แข็งแรง” เขากล่าว
ข้อมูลจาก Mayo Clinic ยังระบุว่า น้ำมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ เนื่องจากภาวะขาดน้ำอาจส่งผลต่อการเผาผลาญและการย่อยไขมัน ทำให้ไขมันสะสมในร่างกายมากขึ้น
และมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Clinical Nutrition โดยศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 16,000 คน พบว่า คนที่ดื่มน้ำมากกว่ามีแนวโน้มเกิดโรคไขมันพอกตับ (NAFLD) ต่ำกว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำน้อย
ขณะที่อีกหนึ่งงานวิจัยยังพบว่า ผู้ชายที่ดื่มน้ำวันละ 4-7 แก้ว มีโอกาสเป็นไขมันพอกตับน้อยกว่าคนที่ดื่มน้ำน้อยกว่าอย่างชัดเจน
กาแฟดำ - ได้คะแนน 9/10
คุณหมอกล่าวเพิ่มเติมว่า กาแฟดำ มีสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีผลดีต่อการทำงานของตับ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวกับตับ เช่น ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ และตับแข็ง
บทความจาก Cleveland Clinic โดยแพทย์หญิง Jamile Wakim-Fleming ก็ยืนยันในแนวทางเดียวกันว่า กาแฟดำมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับโดยไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์
หลายงานวิจัยยังชี้ว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟดำมีความเสี่ยงในการเกิดโรคไขมันพอกตับ (NAFLD) น้อยลง อีกทั้งกาแฟที่ไม่เติมครีมหรือน้ำตาล ยังช่วยลดการสะสมของไขมันในตับ และสารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยล้างสารพิษที่อาจเป็นอันตรายต่อตับ
Dr. Wakim-Fleming แนะนำให้ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วต่อวันเพื่อประโยชน์ในการป้องกันปัญหาตับ
น้ำเปล่าและกาแฟดำถือเป็น 2 เครื่องดื่มที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพตับ ทั้งสองอย่างนี้ยังเป็นเครื่องดื่มที่เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง และเป็นที่คุ้นเคยของคนไทยส่วนใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ และสามารถเสริมด้วยการดื่มกาแฟดำวันละ 1-3 แก้ว เพื่อดูแลสุขภาพตับให้แข็งแรงในระยะยาว