ยานยนต์เยอรมนีวิกฤติหนัก ปลดคนครึ่งแสน 'กำไรหด-ผลิตล้น-เศรษฐกิจถดถอย'
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของ “เยอรมนี” ที่ถูกกดดันจากปัญหาเศรษฐกิจและความท้าทายอย่างหนักจนต้องปลดพนักงานไปหลายหมื่นคนในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
จากการวิเคราะห์ของ EY บริษัทตรวจสอบบัญชีซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติของเยอรมนี (Destatis) พบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว อุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้ลดจำนวนพนักงานลงเกือบ 7% หรือประมาณ 51,500 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ ตลอดช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.ปีนี้ มีการลดตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีรวมทั้งหมดประมาณ 114,000 ตำแหน่ง ซึ่งหมายความว่าเกือบครึ่งหนึ่งของการปลดพนักงานทั้งหมดมาจากภาคยานยนต์
รายงานระบุว่าา "ไม่มีภาคอุตสาหกรรมอื่นใดที่มีการลดจำนวนพนักงานลงมากเท่านี้" โดยงานวิจัยชี้ว่าภาคยานยนต์มีการลดตำแหน่งงานลงถึง 112,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19
‘ยอดขายดิ่ง-กำลังผลิตล้น’ ปลดคนคือทางออก
เจน โบรร์ฮิลเกอร์กรรมการผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบบัญชีของ EY ในเยอรมนี กล่าวในแถลงการณ์ว่า การลดจำนวนพนักงานเป็นผลมาจากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“การที่กำไรลดลงมหาศาล, กำลังการผลิตเกินความต้องการ, และตลาดต่างประเทศที่ซบเซา ทำให้การลดจำนวนพนักงานลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” เขากล่าว
รายงานของ EY ยังระบุว่า รายได้ของภาคยานยนต์ลดลง 1.6% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและยักษ์ใหญ่ด้านรถยนต์ของเยอรมนีอย่าง Volkswagen ก็รายงานว่ามีกำไรในไตรมาส 2 ลดลงอย่างมาก พร้อมปรับลดเป้าหมายสำหรับทั้งปีลงด้วย
อย่างไรก็ดี การลดลงของรายได้ในภาคยานยนต์ถือว่าน้อยกว่าการลดลงของรายได้ในภาพรวมของอุตสาหกรรมเยอรมนีที่อยู่ที่ 2.1% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะได้รับผลกระทบหนัก แต่ภาคยานยนต์ยังคงทำผลงานได้ดีกว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของประเทศ
3 ปัจจัยรุมเร้า
คู่แข่งจาก ‘จีน’
อุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีเผชิญกับปัญหามาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดกับคู่แข่งจาก “จีน” ทั้งในเรื่องต้นทุนและนวัตกรรม รวมถึงความยากลำบากในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ผลิตและนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเป็นผลมาจากขั้นตอนของรัฐบาลและกฎระเบียบที่ซับซ้อน
- ภาษีทรัมป์กดดันส่งออก
นโยบายการค้าของประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ยังเข้ามาเพิ่มความกังวล โดยเฉพาะกับภาคยานยนต์ของเยอรมนีที่พึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสหรัฐเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุด แม้ว่าแต่เดิมสินค้า "Made in Germany" ที่เคยมีจุดแข็งเรื่องคุณภาพก็ตาม
จากการเก็บข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติเยอรมนี (Destatis) พบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มูลค่าการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังสหรัฐลดลง 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยผู้ผลิตรถยนต์ได้ออกมาเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีและสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนมาโดยตลอด
ถึงแม้จะเผชิญกับแรงกดดัน แต่อุตสาหกรรมยานยนต์เยอรมนียังมีข่าวดีอยู่บ้าง โดยข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐสหภาพยุโรปที่เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่ารถยนต์จะถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 15% แต่เงื่อนไขนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อสหภาพยุโรปยอมปรับเปลี่ยนกฎหมายเพื่อลดภาษีในภาคอุตสาหกรรมลง
- GDP หดตัว ซ้ำเติมภาคยานยนต์
นอกจากนี้ สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของเยอรมนีก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดรั้งภาคยานยนต์ โดย GDP ของเยอรมนีลดลงต่อเนื่องทั้งในปี 2566 และ 2567 แม้จะมีการเติบโตเล็กน้อยที่ 0.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ตัวเลขล่าสุดในไตรมาสที่ 2 กลับลดลง 0.3% แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่
อนาคตอาจ ‘ลดพนักงาน’ ต่อเนื่อง
Brorhilker คาดว่าการส่งออกรถยนต์ของเยอรมนีไปยังสหรัฐและจีนจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันต่อไป โดยตลาดสหรัฐได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี ขณะที่ตลาดจีนเผชิญกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกับที่เกิดขึ้นในประเทศเยอรมนีเอง
“บริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเยอรมนีหลายแห่งกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างหรือลดต้นทุน อาจส่งผลให้จำนวนตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมจะยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง"