กางกฎหมาย “สีกา ก.” อัดคลิปแบล็คเมล์ พระมั่วกาม มีสิทธิ์โดนกี่ข้อหา?

อัพเดต 10 กรกฎาคม 2568 เวลา 0.36 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Thaiger ข่าวไทย

วิเคราะห์ข้อกฎหมายคดีดัง “สีกา ก.” กับพฤติกรรมถ่ายคลิปแบล็คเมล์พระ มีโอกาสถูกดำเนินกฎหมายข้อหาอะไรบ้าง

ความคืบหน้าล่าสุดในคดีอื้อฉาวที่เกี่ยวพันกับวงการสงฆ์ วันนี้ (9 ก.ค. 2568) พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ได้ออกมาเปิดเผยถึงปฏิบัติการของตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ว่า จากการสืบสวนข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของ สีกา ก. พบหลักฐานจำนวนมากที่เชื่อมโยงถึงพระสงฆ์หลายรูป ทำให้ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการด้านวินัยสงฆ์กับพระที่เกี่ยวข้องเป็นอันดับแรก

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติกล่าวว่า ตำรวจเลือกดำเนินการด้านวินัยสงฆ์ก่อนบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้พระได้สำนึกในตัวเองและไม่ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง โดยได้เข้าปฏิบัติการใน 3 จุดสำคัญ ผลปรากฏว่า พระผู้ใหญ่ที่วัดพระพุทธฉาย และพระผู้ใหญ่ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ

ทั้ง 2 รูปได้ยอมสึกแต่โดยดี พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์โดยไม่มีการปกปิดใด ๆ ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะมีการเรียกสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับ พระผู้ใหญ่วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา ตำรวจยังไม่สามารถเข้าพบตัวได้และพบว่ามีการปิดโทรศัพท์มือถือ แม้ในตอนแรกจะเชื่อว่าท่านอาจติดกิจนิมนต์ แต่เมื่อประสานงานไปก็อ้างว่าจะเข้ามาพบแต่ก็ไม่มา “จึงฝากไปถึงท่านว่า อย่างไรท่านก็หนีความจริงไม่พ้น และควรพิจารณาตัวเอง” พลตำรวจตรีจรูญเกียรติกล่าว

ในส่วนของการสืบสวนหลังจากนี้ ตำรวจจะทำการขยายผลเรื่องเส้นทางการเงินต่อ ซึ่งเบื้องต้นพบว่าพระทุกรูปมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับ สีกากอล์ฟ (สีกา ก.) เป็นยอดเงินที่มากพอสมควร แต่จะเป็นการทุจริตเงินวัดหรือไม่นั้น ยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างละเอียด

เมื่อถูกถามว่าจะมีพระสงฆ์เกี่ยวข้องนอกเหนือจาก 3 รูปนี้อีกหรือไม่ พลตำรวจตรีจรูญเกียรติระบุเพียงว่า “ตำรวจมีงานที่ต้องทำต่อเนื่อง” แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

สีกา ก. คือใคร?

4 โทษที่ สีกา ก. อาจโดนดำเนินคดี

พลตำรวจตรีจรูญเกียรติยอมรับว่า ตามกฎหมายปัจจุบัน ไม่มีบทบัญญัติที่จะเอาผิดสีกาที่มีความสัมพันธ์กับพระสงฆ์ได้โดยตรง แต่พฤติการณ์ของ สีกา ก. ที่มีการถ่ายคลิปเพื่อนำมาแบล็คเมล์เรียกเงินจากพระนั้น ถือเป็นความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ

สีกา ก. มีเจตนาถ่ายคลิปไม่ให้เห็นใบหน้าตัวเอง แต่เน้นให้ได้ยินเสียงกิจกรรมทางเพศที่ทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นคลิปเซ็กซ์โฟน หรือโชว์วาบหวิว ซึ่งพระบางรูปก็รู้ตัวว่าถูกถ่าย แต่บางรูปก็ไม่รู้ตัว ซึ่งจากการกระทำดังกล่าว “สีกา ก.” อาจ ถูกดำเนินคดีใน 4 ฐานความผิดหลัก ดังนี้

1. ละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

วิดีโอภาพพระถือเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” การนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม มีโทษปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาท

2. ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(4)

การนำเข้าหรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ/หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

3. ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 (ดูหมิ่นศาสนา)

การกระทำต่อพระซึ่งเป็นตัวแทนของศาสนาในลักษณะที่เหยียดหยาม มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท

4. ผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 (หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา)

หากคลิปทำให้ภาพลักษณ์ของพระเสื่อมเสีย ก็จะเข้าข่ายความผิดนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท

สุดท้าย พลตำรวจตรีจรูญเกียรติได้ฝากเตือนไปยังพระสงฆ์ทั่วประเทศ ให้ระมัดระวังการทำกิจนิมนต์ที่เกี่ยวข้องกับสีกาที่เข้ามาในรูปแบบของเศรษฐีนีหรือไฮโซ ซึ่งอาจเป็นมิจฉาชีพที่เข้ามาหลอกลวงและอัดคลิปเพื่อแบล็คเมล์ได้ หากตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เรื่องราวเสียหายเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

จึงสรุปได้ว่าจากข้อมูลที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว เปิดเผย แม้จะไม่มีกฎหมายเอาผิดโดยตรงต่อสีกาที่มีความสัมพันธ์กับพระสงฆ์ แต่พฤติกรรมการถ่ายคลิปวิดีโอลามกอนาจารโดยไม่ได้รับความยินยอม เพื่อนำไปใช้แบล็คเมล์เรียกเงินนั้น ทำให้ “สีกา ก.” มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีในหลายฐานความผิดตามที่กล่าวไปข้างต้น

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น การจะดำเนินคดีในข้อหาใดบ้างนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ รวมถึงการตีความข้อกฎหมายโดยละเอียดของพนักงานสอบสวน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่