โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจง ช่องอานม้า ทหารไทยขับไล่ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำพ้นหมดแล้ว เขมรลาดตระเวนเขตตัวเอง

MATICHON ONLINE

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจง ช่องอานม้า ทหารไทยขับไล่ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำพ้นหมดแล้ว เขมรลาดตระเวนเขตตัวเอง

จากกรณีที่ วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหารชื่อดัง ได้ลงคลิปในช่วงยูทูบส่วนตัว ในหัวข้อเรื่อง สุดเดือด ทหารเขมรยึดคืนช่องอานม้า นาทีสุดท้าย ด้วยกองทัพโดรน กับรถถัง

โดย วาสนา นาน่วม บรรยายรายละเอียดว่า ในช่วง 3 ชั่วโมงสุดท้าย ก่อนเดดไลน์หยุดยิง เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า ฝ่ายทหารเขมร ได้ใช้โดรนกามิกาเซ่ รถถัง ปืนคอ ระดมยิงมาจากฝั่งเนิน 677 จากชัยภูมิตัวเอง ทำให้ทหารไทยต้องล่าถอยไปอยู่จุดเดิมที่รุกคืบมาได้ คือบริเวณเส้นแบ่งกลางปราสาทตาอม ดังนั้น จุดช่องอานม้า จึงไม่ใช่จุดที่ไทยยึดได้เบ็ดเสร็จ ใน 11 จุดตามที่แถลงข่าว เหมือนกับกรณีปราสาทตาควายกองทัพโดรนและรถถังเขมรบุกยึดช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม โฆษกกองทัพบกได้ชี้แจง ดังนี้ “ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด

ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด

ก่อนเกิดเหตุการณ์ปะทะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารฝ่ายไทยไม่เคยสามารถเข้าไปในพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้ฝ่ายเดียวมาตลอดซึ่งผิดหลักธรรมชาติ แต่ปัจจุบันหลังปะทะ และหยุดยิง ฝ่ายไทยสามารถเข้าพื้นที่ได้ ตามเงื่อนไขที่ ทหารทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน

สำหรับกรณีเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ จะพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมขณะนั้นมีทหารไทยได้ควบคุมพื้นที่อยู่ แต่ด้วยแนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิบริเวณ “ช่องอานม้า” หน่วยทหารในพื้นที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้:

1.จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย โดยแต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายเข้าไปในพื้นที่ร่วม/พื้นที่ที่ต่างฝ่ายได้อ้างสิทธิ

2.ไม่มีการพกพาอาวุธเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องงดเว้นการพกพาอาวุธในขณะปฏิบัติภารกิจ

3.มีการลาดตระเวนร่วมกันทั้งสองฝ่ายร่วมเดินลาดตระเวนบริเวณรอบ “ตาอม” (ฝั่งกัมพูชา) และพื้นที่ใกล้เคียง เป็นเวลา 15 นาทีต่อครั้ง

4.ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา

ปัจจุบันกองทัพไทยสามารถควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น หลายพื้นที่สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่รุกล้ำอธิปไตยไทยได้สมบูรณ์ รวมถึงเข้ายึดพื้นที่ในแนวจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญได้หลายจุด โดยเมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ เฉพาะในเขตที่มั่นใจว่าเป็นดินแดนของไทย และสามารถครอบครองได้โดยชอบธรรม เพื่อรักษาความได้เปรียบทางยุทธวิธี เพื่อได้เปรียบในการป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต

ขณะที่ทางเพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในพื้นที่ “ช่องอานม้า” ??

ก่อนเกิดเหตุปะทะเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 กำลังทหารของไทยไม่เคยสามารถเข้าไปยึดพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาวางกำลังตรึงพื้นที่ไว้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

ข้อสังเกต:

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้นำคณะทูตทหารจาก 13 ประเทศเข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่ โดยพบว่า พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ตาอมขณะนั้น มีกำลังทหารไทยควบคุมพื้นที่ทั้งหมดแล้ว
แนวปฏิบัติร่วมในพื้นที่อ้างสิทธิ “ช่องอานม้า”

เพื่อป้องกันเหตุปะทะและรักษาเสถียรภาพในพื้นที่อ่อนไหว ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกันไว้ ดังนี้:

1. จัดกำลังฝ่ายละ 5 นาย
– แต่ละฝ่ายส่งเจ้าหน้าที่ 5 นายเข้าไปในพื้นที่ร่วมตรวจสอบ เพื่อป้องกัน การเพิ่มเติมกำลัง

2. ไม่มีการพกพาอาวุธ
– เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องงดเว้นการพกพาอาวุธในขณะปฏิบัติภารกิจ

3. ลาดตระเวนร่วมกัน
– ทั้งสองฝ่ายร่วมเดินลาดตระเวนบริเวณรอบ “ตาอม” (ฝั่งกัมพูชา) และพื้นที่ใกล้เคียง

4. ไม่จำกัดช่วงเวลาในการเข้า-ออกพื้นที่
– สามารถเข้าปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนได้ ตลอดเวลา โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา

ปัจจุบัน: กองทัพไทยควบคุมสถาปนาพื้นที่ได้อย่างมั่นคง

จากสถานการณ์ความตึงเครียดล่าสุด กองทัพไทยได้ดำเนินการ ผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ลุกล้ำอธิปไตยไทย ได้อย่างเด็ดขาด และสามารถ เข้ายึดพื้นที่ในแนวภูมิยุทธศาสตร์สำคัญได้สำเร็จ

เมื่อยึดพื้นที่ได้แล้ว ฝ่ายไทยได้จัดกำลังตรึงพื้นที่ ในเขตดินแดน อธิปไตยของไทย และสามารถครอบครองได้โดยชอบธรรม เพื่อ รักษาความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ และป้องกันการกระทบกระทั่งที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจง ช่องอานม้า ทหารไทยขับไล่ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำพ้นหมดแล้ว เขมรลาดตระเวนเขตตัวเอง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก MATICHON ONLINE

พิชัย ไร้คู่แข่งนั่ง ปธ.สมาพันธ์มวยสากลแห่งเอเชีย ชูนโยบายโปร่งใสเป้าหมาย อลป.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2568

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จบรอบ 3 ภูสิทธิ์ นำ 1 สโตรก ลุ้นแชมป์ที่ 2 สิงห์ แชมเปี้ยนชิพ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองทุนกีฬา จัดอบรม PDPA เสริมศักยภาพบุคลากร ติดอาวุธทางปัญญา เดินหน้าต่อเนื่อง

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

สว.ลงพื้นที่อุบลฯ มอบกำลังใจชาวบ้าน ‘กระสุนตก’

ไทยโพสต์

ทบ. ปัดข่าวทหารถูกสั่งออกจากปราสาทตาควาย

ไทยโพสต์

‘อาการเวียนหัว’สาเหตุเกิดจากอะไร หายากินเองได้ไหม?

เดลินิวส์

สวีเดนยืนยันการยกเลิกขายเครื่องบินขับไล่ Gripenให้ไทย 'ไม่จริง' หลังกัมพูชาปล่อยข่าวมั่วดิสเครดิต

VoiceTV

กต.ออกแถลงการณ์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในหนังสือของ 'กสม.กัมพูชา' ที่ส่งถึงข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ชี้ ให้ข้อมูลที่บิดเบือน'

VoiceTV

เป็นมนุษย์ยังไม่ได้…ไยเรียกหามนุษยธรรม

ไทยโพสต์

ข่าวและบทความยอดนิยม

จนท.ทำลายระเบิด BM-21 เขมร ที่ตกกลางถนน ในกันทรลักษ์ ห่างปั๊มน้ำมันเพียง 500 ม.

MATICHON ONLINE

สุรินทร์ยังไม่น่าวางใจ ‘เนิน 350 ตรึงกำลัง’ ห่วงจรวดหลายลูกไม่ระเบิด แต่ ปชช.เริ่มกลับบ้าน

MATICHON ONLINE

เป็ดเหลืองอุดรฯกลับมาแล้ว หลังหายไป 4 ปี ปชช. แห่ถ่ายรูป จนท.ติดธงชาติให้ ส่งกำลังใจทหารชายแดน

MATICHON ONLINE
ดูเพิ่ม