SO ปักธง “Growth Engine” ใหม่ “ธุรกิจเทคโนโลยี” ตั้งเป้ารายได้ 5 พันล้านบาทใน 5 ปี
สยามราชธานี (SO) วาง Game Changer ใหม่ "SO PEOPLE" ยังเป็นหัวใจหลัก "SO NEXT" คืออนาคตต้องโตอย่างน้อย 10% ทุกปี ปักธง 5 ปีโพชิชันนิ่งเปลี่ยน “ไม่ใช่แค่เอาท์ซอร์สแต่เป็น Strategic Partner” เน้นคุณภาพและ Long-term Contract คุมกำไร 2 หลักรายได้ 5 พันล้านบาท
นางสาวกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า Soเป็นOutsource ที่รับมือกับความเปลี่ยนแปลงโดยออกแบบโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย ภายใต้ 4 แกนธุรกิจ ได้แก่:
- SO PEOPLE: บริการคัดเลือก พัฒนา และบริหารบุคลากร ด้วยมาตรฐานระดับสูง
- SO WHEEL: บริการยานพาหนะเช่าพร้อมระบบควบคุมครบวงจร
- SO GREEN: บริหารทรัพยากรสีเขียวอย่างมืออาชีพ
- SO NEXT: บริหารข้อมูลและธุรกรรมองค์กรด้วยระบบอัตโนมัติอย่างแม่นยำ ปลอดภัย และตรวจสอบได้ ครอบคลุม OCR, Workflow Automation และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้เกือบ 700 ล้านบาท โดยSO PEOPLE ยังคงเป็นเส้นเลือดใหญ่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70-75% ของพอร์ตธุรกิจ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักในการหล่อเลี้ยงและขยายธุรกิจอื่นๆ ถัดมาคือSO WHEEL หรือบริการรถเช่า สัดส่วน 16-18% ส่วนSO GREEN มีสัดส่วน 5-7% ซึ่งในปีนี้เติบโตน้อยลงจากสภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ลูกค้าลดงบประมาณและเลื่อนการดูแลสวนออกไป
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันSO WHEEL เริ่มเติบโตขึ้นเป็นสัดส่วนหลัก โดยมีรถเช่าในระบบประมาณ 2,000 คัน แต่ในอนาคตSO NEXT จะก้าวขึ้นเป็น "Growth Engine" ที่จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ แม้ปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 5% ของพอร์ต แต่เริ่มมีงานเขียนโปรแกรมเข้ามา และคาดว่าจะสามารถขยายการเติบโตได้อย่างน้อย 10% ใน 5 ปีข้างหน้า
นางสาวกัณธิมา ย้ำว่า ธุรกิจเอาท์ซอร์สโดยทั่วไปมี Gross Margin ค่อนข้างต่ำและปรับขึ้นยาก เนื่องจากเป็นการประมูลและแข่งขันด้านราคา แต่ SOมุ่งเน้นการควบคุมกำไรให้อยู่ในระดับเลขสองหลัก คือประมาณ 15-20% ซึ่งปัจจุบันภาพรวมอยู่ที่ประมาณ 17% โดยลูกค้าของ SO ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม "พรีเมียม" ที่พร้อมจ่ายเพื่อผลตอบแทนที่ดีกว่า
"SOไม่แข่งขันเรื่องราคา เราไม่เคยเข้าประมูลงานราชการเพราะงานราชการมีการตั้ง budget ไว้แล้ว แต่เราจะมุ่งไปที่ลูกค้าที่เป็น 'มหาชน' และมี Human Life" นางสาวกัณธิมากล่าว
ในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิประมาณ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนและเน้นรับลูกค้าที่สามารถสร้างกำไรได้ดี บริษัทคาดว่าจะรักษาระดับกำไรนี้ได้ตลอดทั้งปี
จุดแข็งของธุรกิจเอาท์ซอร์สคือการสะสมสัญญาระยะยาว (Long-term Contract) โดยในปี 2023 SO มีลูกค้าที่มีสัญญาระยะยาว 3-5 ปี ทำให้สามารถสะสม Backlog ได้ถึง 1,556 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1,782 ล้านบาทในปี 2024 ล่าสุดไตรมาส 1 ปี 2025 Backlog สะสมพุ่งสูงถึง 2,280 ล้านบาท ประกอบกับ Net Margin ไตรมาส 1 ที่ 53 ล้านบาท ทำให้บริษัทคาดว่ารายได้รวมทั้งปี 2568 จะเติบโตประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปี 2567
ในด้านอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ของแต่ละธุรกิจ: SO PEOPLE อยู่ที่ 14-15%, SO NEXT เป็นธุรกิจที่มีกำไรขั้นต้นดีที่สุดประมาณ 30%, SO WHEEL ประมาณ 20% และ SO GREEN อยู่ที่ 25%
"เป้าหมายของSO ที่วางไว้ 5 ปีข้างหน้า เราจะไม่ใช่แค่เอาท์ซอร์ส แต่เราจะเป็นพาร์ทเนอร์ที่สร้างโซลูชั่นและผลลัพธ์ที่แตกต่าง เติบโตไปพร้อมกับลูกค้า ที่ผ่านมาลูกค้าอาจจะมองว่าเอาท์ซอร์สเป็นทางเลือก แต่จากตัวเลขที่ลูกค้าต่อสัญญากับเราไม่ต่ำกว่า 90% ทุกๆ ปี เรามั่นใจว่าเราเป็นพาร์ทเนอร์ที่ลูกค้าเชื่อมั่น เพราะฉะนั้นเราจะไม่เป็น Plan B อีกต่อไป แต่เราจะเป็น Plan A ในการทำธุรกิจของลูกค้า"
ทั้งนี้ SOตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า และตั้งเป้าให้ Backlog เติบโต 10% ทุกปี โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2568 จะมี Backlog สะสมประมาณ 2,300 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละปีจะมีลูกค้าเดิมที่ต่อสัญญาต่อเนื่อง และบริษัทจะมีการปรับเพิ่มค่าบริการทุกปีเริ่มต้น 3% ขึ้นอยู่กับโซลูชั่นที่ลูกค้าเลือก