โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

ทรัมป์ จ่อขยี้จีนรอบใหม่! เล็งเก็บภาษีสินค้าส่งผ่านประเทศที่สาม กระทบส่งออก 70%–GDP หาย 2.1%

การเงินธนาคาร

อัพเดต 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.32 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Bloomberg Economics ชี้นโยบายการค้า ทรัมป์ รอบใหม่อาจเล่นงานจีนหนักกว่าที่เคย หากมาตรการนี้เดินหน้าเต็มรูปแบบ อาจกระทบการส่งออกจีนไปสหรัฐถึง 70% และฉุดจีดีพีจีนหายทันที 2.1%

วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เวลา 12.00 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตามการวิเคราะห์ของ Bloomberg Economics พบว่าความพยายามของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในการโจมตีจีนทางการค้าผ่านประเทศคู่ค้าบนห่วงโซ่อุปทานโลก อาจสร้างแรงกระแทกรุนแรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและการส่งออกส่วนใหญ่ไปยังสหรัฐ

จีนพึ่งพาประเทศที่สามมากขึ้นในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปหรือชิ้นส่วน เพื่อนำส่งต่อไปยังสหรัฐ แนวโน้มนี้เร่งตัวขึ้นหลังสงครามการค้ารอบแรกในยุคทรัมป์ โดยข้อมูลของ Bloomberg Economics ชี้ว่าสัดส่วนของจีนในห่วงโซ่การผลิตสินค้าที่ส่งไปสหรัฐผ่านประเทศอย่างเวียดนามและเม็กซิโก เพิ่มขึ้นจาก 14% ในปี 2560 เป็น 22% ในปี 2566

นักวิเคราะห์ของ Bloomberg กล่าวว่า หากทรัมป์สามารถดำเนินนโยบายเรียกเก็บภาษีหรือควบคุมห่วงโซ่อุปทานจากการส่งต่อสินค้า (transshipment) ได้สำเร็จ จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสินค้าออกจากจีนไปสหรัฐถึง 70% และกระทบต่อ GDP ของจีนมากกว่า 2.1%

นักวิเคราะห์ชาง ชู, รานา ซาเจดี และเดวิด ควอ เขียนในรายงานวิจัยว่า“การไหลของการค้าแบบอ้อมผ่านประเทศที่สามมีมูลค่ามหาศาล และช่วยลดแรงกระแทกจากภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีอยู่เดิม …การควบคุมที่เข้มขึ้นต่อการส่งสินค้าทางอ้อมเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มความเสียหายจากสงครามการค้า และอาจบั่นทอนโอกาสการเติบโตในระยะยาว”

สหรัฐ ภายใต้ทรัมป์กำลังกดดันจีนผ่านประเทศคู่ค้าอื่น ๆ โดยมีการส่งจดหมายไปยังหลายประเทศเพื่อแจ้งว่า หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าทวิภาคีก่อนวันที่ 1 สิงหาคม สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี โดยสินค้าที่พบว่าเป็นการส่งผ่านจากจีน อาจถูกเรียกเก็บภาษีที่สูงยิ่งกว่าเดิม แม้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่แนวทางนี้จะเปิดทางให้ทำเนียบขาวขยายขอบเขตภาษีให้ครอบคลุมสินค้าจีนได้กว้างขึ้น

ประเทศหลักที่จีนใช้เป็นทางผ่านในการส่งสินค้าไปสหรัฐฯ ได้แก่ เม็กซิโกและเวียดนาม รวมถึงสหภาพยุโรปก็เป็นศูนย์กลางสำคัญอีกแห่ง บทบาทของจีนในห่วงโซ่การผลิตระดับโลกผ่านประเทศที่สามอาจกลายเป็นปัจจัยกำหนดเนื้อหาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้าในอนาคต เช่นเดียวกับกรณีของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ–สหราชอาณาจักร ที่เริ่มมีข้อกำหนดด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานและโครงสร้างผู้ถือหุ้นในอุตสาหกรรมอ่อนไหวแล้ว

อย่างไรก็ตามทีมเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg ยังตั้งข้อสังเกตว่ายังมีความไม่แน่นอนว่า สหรัฐจะสามารถบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งสินค้าทางอ้อมได้เคร่งครัดเพียงใด โดยนิยามของสินค้าท้องถิ่นที่แท้จริง (localized goods) ของสหรัฐยังคลุมเครือ และยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบยืนยันที่ชัดเจนในขณะนี้

อ้างอิง : bloomberg.com

เปิดไทม์ไลน์ โดนัลด์ ทรัมป์ ป่วนโลก! สหรัฐ VS ประเทศคู่มิตร เดินเกมตอบโต้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก การเงินธนาคาร

กยศ. โอนเงินคืนผู้กู้ที่โดนหักบัญชีอัตโนมัติ ครบทุกรายแล้ว

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หุ้นไทย ปิดลบ 16.38 จุด เจอแรงขายทำกำไรฉุด หุ้นพื้นฐานเปราะบาง ลุ้นรีบาวด์พรุ่งนี้

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไทยประกันชีวิต รับรางวัล “บริษัทยอดเยี่ยมด้านประกันชีวิต”

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดีลการค้าสะดุด! อินเดีย-สหรัฐ ยังไม่ลงตัวก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. หวั่นภาษี 26% ซ้ำเติมส่งออก

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความต่างประเทศอื่น ๆ

ยูเนสโก “ไม่ประหลาดใจ” ทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอีกครั้ง

เดลินิวส์

ชาวเน็ตสาปส่ง ครอบครัวเกาหลีรับหมาไปเลี้ยง 7 ชม. ก่อนจับโกนขน เอากลับมาทิ้งไว้ที่เดิม

Thaiger

สุดงง! ตำรวจจับโจรรุ่นลุง เลือกขโมยแต่รองเท้าข้างขวากว่าครึ่งร้อย

เดลินิวส์

‘เครื่องบินทหาร’ ตกใส่โรงเรียนบังกลาเทศ ยอดดับพุ่ง 27 ราย

The Bangkok Insight

ญี่ปุ่นเปิดสอบสวน “การทุ่มตลาดเหล็ก-แผ่นสแตนเลส” จากจีนและไต้หวัน

เดลินิวส์

สาวจีนวัย 16 อยากผอม ยอมอดอาหาร กินแต่ผัก – ยาระบาย ติดกัน 2 สัปดาห์ หวิดดับ

Khaosod

ถอดบทเรียน “รัฐสวัสดิการเชิงรุก” แบบสิงคโปร์ แจกคูปองเงินสดให้ประชาชนใช้จ่ายทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ไทยเรียนรู้อะไรได้บ้าง?

TODAY

ผลศึกษาเผย วัยรุ่นอเมริกันส่วนใหญ่เคยใช้ปัญญาประดิษฐ์ “เป็นเพื่อนคุย”

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...