โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เบื้องลึกสูตรภาษี ‘ทรัมป์’ 40-20-10-0 ที่ไทยและทั่วโลกอาจโดนเหมือนกับเวียดนาม ไทยต้องรับมืออย่างไร

THE STANDARD

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
เบื้องลึกสูตรภาษี ‘ทรัมป์’ 40-20-10-0 ที่ไทยและทั่วโลกอาจโดนเหมือนกับเวียดนาม ไทยต้องรับมืออย่างไร

หลังจากมีรายงานข่าวว่าวานนี้ (2 กรกฎาคม) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม กำหนดภาษีนำเข้า 20% และ 40% สำหรับสินค้า ‘ส่งผ่าน’ ขณะที่เวียดนามตกลงยกเลิกภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ทั้งหมด

ล่าสุดวันนี้ (3 กรกฎาคม) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า นัยจากผลการเจรจาการค้าของการสหรัฐฯ กับเวียดนาม

ข้อสรุปล่าสุดสำหรับเวียดนามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศออกมาเมื่อคืน จะมีนัย ดังนี้

  • จุดเปรียบเทียบที่ไทยต้องพยายามให้ได้ ไม่น้อยหน้า

  • ต้นแบบและบรรทัดฐานให้กับทุกประเทศที่เหลือ

โดยข้อตกลงดังกล่าวมีตัวเลขอัตราภาษีสำคัญ 3 ตัวเลข อัตรา 0%, 20% และ 40%

โดยคิดอัตราภาษี 0% สำหรับสินค้าสหรัฐฯ ที่จะส่งมาที่เวียดนาม ที่ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าไหนก็ตามที่ผลิตในสหรัฐฯ จะสามารถส่งมาที่เวียดนามโดยไม่โดนภาษีศุลกากร

เรื่องนี้ แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการพูดถึงชัดๆ แต่คำว่า Total Access คงหมายรวมไปถึงว่า จะต้องไม่มี Non-tariff Barriers ต่างๆ ที่เวียดนามจะแอบทำด้วย ซึ่งสหรัฐฯ คงจะแจ้งไทย และคู่เจรจาคนอื่นๆ เช่นกันว่าสหรัฐฯ ต้องการอัตราภาษีที่ 0% และ Total Access ที่ไม่มีการกีดกันอื่นๆ สำหรับสินค้าสหรัฐฯ 20% สำหรับสินค้าเวียดนามทุกอย่างที่ส่งออกมาที่สหรัฐฯ

สำหรับตัวเลขนี้ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะต่อไปจะเป็นต้นแบบให้กับประเทศต่างๆ ที่สหรัฐฯ ขาดดุลด้วย และเป็นจุดเปรียบเทียบสำคัญที่ไทย และประเทศอื่นในเอเชียต้องทำให้ได้ให้ดีกว่าเวียดนาม หรืออย่างน้อย ไม่น้อยหน้าเวียดนาม

ภาพ: ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)

เตือนหากไทยโดนสหรัฐฯ เก็บภาษีสูงกว่าเวียดนาม หวั่นเสียเปรียบคู่แข่ง

หากจะจบสูงกว่าตัวเลขนี้ ก็ต้องให้ได้ไม่เกิน 25% ไม่เช่นนั้น บริษัทส่งออกในไทยก็จะเสียเปรียบคู่แข่งรายสำคัญของบริษัทที่กำลังคิดว่าจะย้ายฐานมาที่ไทย ก็จะคิดหนักขึ้น ว่าไปเวียดนามดีกว่าไหม โดยอัตราภาษีที่ 40% สำหรับสินค้าจีน หรือประเทศอื่นๆ ที่จะแอบส่งมาให้เวียดนาม แล้วส่งต่อไปที่สหรัฐฯ

สำหรับอัตรานี้จะเป็นข้อเรียกร้องที่สหรัฐฯ ทำกับทุกประเทศที่เจรจาด้วย โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่เป็นจุดส่งผ่านสำคัญ รวมถึงกับไทยด้วย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการลักไก่ ไม่ให้มีช่องที่จะเอาสินค้าจีนเข้ามา แล้วส่งต่อไปสหรัฐฯ แบบ Transshipment เพื่อรับสิทธิภาษี 20% ของเวียดนาม ซึ่งการเตรียมการลักษณะนี้ มีนัยต่อไปว่าภาษีกับจีน ที่สหรัฐฯ มีอยู่ในใจ และจะคิดในท้ายที่สุด คงใกล้ๆ กับตัวเลขนี้

ทั้งนี้ หากลองกลับไปเปรียบเทียบกับกรณีอังกฤษ ที่ได้เจรจาเบื้องต้นไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ก็จะทำให้เห็นภาพชัดเจนอังกฤษยอมให้สหรัฐฯ ที่อัตรา 0% สำหรับสินค้าต่างๆ ที่สหรัฐฯ ส่งมา หมายความว่า สหรัฐฯ คงมีอยู่ในใจที่จะใช้อำนาจต่อรองจากขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ของตนเองในการเปิดประตูการค้าให้กับสหรัฐฯ เอง เพื่อนำไปสู่ Free Trade / Free Access สำหรับสินค้าสหรัฐฯ ในทุกประเทศทั่วโลก จะได้บอกบริษัทที่มาลงทุนที่สหรัฐฯ ว่า สินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯ อย่างน้อยเมื่อเทียบกับยุโรป หรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ จะสามารถส่งไปประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างเสรี ไม่มีข้อจำกัด

ขณะเดียวกัน อังกฤษยอมให้สหรัฐฯ คิดภาษีนำเข้า 10% ตัวเลข 10% นี้ คงเป็นตัวเลขที่สหรัฐฯ มีในใจ สำหรับประเทศที่สหรัฐฯ เกินดุลด้วย โดยเก็บอัตราภาษี 10% สำหรับประเทศเกินดุล และประมาณ 20% สำหรับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลด้วย คงจะกลายเป็น Benchmark ที่เป็นกรอบในการเจรจาของทีมสหรัฐฯ

เพราะตัวเลขนี้ จะช่วยสร้างรายได้ให้สหรัฐจากภาษีศุลกากรไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (ในเดือนพฤษภาคม เก็บได้ประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์) ช่วยลดการขาดดุลการคลัง ช่วยในการลดภาษีของ One Big Beautiful Bill ที่กำลังจะออกมา ช่วยปรับสมดุลทางการค้าของสหรัฐ

นอกจากนี้ ช่วยสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมให้กับบริษัทขยายการลงทุนในสหรัฐ เพื่อช่วยสร้างงานในประเทศ

ส่วนจีน คู่ต่อสู้สำคัญของสหรัฐ ที่กำลังทาบรัศมี ก็คงจะต้องจ่ายมากกว่าคนอื่น ๆ 10% จาก Reciprocal Tariffs 20% จากกรณีของ Fentanyl และ 25% เดิม รวมแล้วอย่างน้อย 55%

ทั้งนี้ สินค้าจีนที่แอบส่งมาผ่านประเทศที่ 3 ก็จะโดนตรวจเข้มและโดนภาษีอย่างน้อย 40% ซึ่งในจุดนี้ คงต้องปรับต่อไป เพราะว่าสินค้าขนาดเล็กของจีน (ราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์) ที่ส่งไปสหรัฐ ขณะนี้โดนภาษี 54% ยังสูงกว่าการหลีกเลี่ยงผ่านประเทศที่ 3 ที่ตกลงกับเวียดนามล่าสุด

ทั้งหมด จะเป็นข้อสรุปในรอบแรกของสงครามการค้าโลก ที่จะนำไปสู่กรอบใหม่และสมดุลใหม่ในการค้าระหว่างประเทศ ขอเป็นกำลังใจให้ทีมไทยแลนด์ สามารถเจรจาให้ได้ผลที่ดีครับ

สูตรภาษี 40-20-10-0 จะเป็นมาตรฐานใหม่ กับประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ?

ดร.สันติธาร เสถียรไทย Future Economy Advisor สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าได้ “ดีล” กับเวียดนามสำเร็จ โดยมีหัวใจสำคัญคือ:

  • อัตราภาษี 40% สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ มองว่าเป็น “Transshipping” — สินค้าจากประเทศอื่น (เช่น จีน) ที่เพียง “ผ่าน” เวียดนาม แล้วแปลงร่างเป็นสินค้าจากเวียดนามก่อนส่งไปสหรัฐ

  • อัตราภาษี 20% สำหรับสินค้านำเข้าทั่วไป

  • อัตราภาษี 10% สำหรับสินค้าที่ผลิตในเวียดนามแทบทั้งหมด

Zero Tariff อาจกลายเป็นต้นแบบของแนวทางใหม่ที่สหรัฐฯ

และเวียดนามจะเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯ แบบ “ศูนย์ภาษี” (Zero Tariff) และศูนย์แบบไม่มีการกีดกันอื่นด้วย แม้จะเป็นข้อตกลงระหว่างสองประเทศ แต่จริง ๆ แล้วอาจกลายเป็นต้นแบบของแนวทางใหม่ที่สหรัฐฯ จะใช้ต่อประเทศที่ “เกินดุลการค้า” กับสหรัฐฯ ซึ่งไทยคือหนึ่งในนั้น

แต่รายละเอียดของดีลนี้ ยังไม่ชัดเจน และนั่นคือประเด็นสำคัญ

1. คำจำกัดความของ Transshipping มีผลชี้ขาด ถ้าภาษี 40% ใช้เฉพาะกับการ “เลี่ยงภาษีอย่างชัดเจน” ผลกระทบอาจจำกัด แต่ถ้าขยายความหมายให้ครอบคลุมถึงสินค้าที่มี สัดส่วนชิ้นส่วนนำเข้าจากจีนหรือประเทศอื่นมาก แม้จะแปรรูปในเวียดนามจริง ผลกระทบจะขยายวงกว้าง

2. ภาษีอาจ “แปรผันตามสัดส่วนของชิ้นส่วนนำเข้า” รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า ภาษีอาจขึ้นกับสัดส่วน foreign content

ถ้านำเข้าชิ้นส่วนมาก → เสียภาษีสูง (ราว 20%)

ถ้าผลิตในเวียดนามแทบทั้งหมด → อาจเสียแค่ 10%

3. ภาษีอาจลดลงในอนาคต สำหรับสินค้าบางประเภท

รายงานจาก Politico ชี้ว่า ทั้งสองประเทศยังอยู่ระหว่างการร่างข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ อาจลดภาษีให้กับสินค้านำเข้าหลายหมวด เช่น เทคโนโลยี รองเท้า สินค้าเกษตร ของเล่น

ภาพ: ดร.สันติธาร เสถียรไทย Future Economy Advisor สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)

ไทยควรแผนรับมืออย่างไร

หากเป็นจริง ภาษีเฉลี่ยที่เวียดนามต้องจ่ายอาจต่ำกว่าที่ประกาศไว้มาก

แล้วไทยควรถามตัวเองอะไรบ้าง

1. สูตร 40-20-10-0 จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ สำหรับประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐฯ หรือไม่?

หากเวียดนามกลายเป็นต้นแบบ และสหรัฐฯ นำแนวทางนี้ไปใช้กับประเทศอื่น

ไทยต้องเตรียมพร้อมทั้งในแง่การเจรจาเชิงนโยบาย และการปรับตัวเชิงโครงสร้าง

2. หากไทยต้อง ‘เปิดหมด’ ให้สินค้าสหรัฐฯ แนวเดียวกับเวียดนาม ผลกระทบคืออะไร?

ไทยจึงมีมาตรการเยียวยาอุตสาหกรรมและผู้ถูกกระทบโดยเฉพาะคนตัวเล็กพอไหม

3. ระบบพิสูจน์ “แหล่งที่มา” ของสินค้าจากไทย เข้มแข็งพอหรือยัง?

ถ้าภาษีขึ้นกับสัดส่วนของชิ้นส่วนนำเข้า ประเทศที่ไม่มีระบบตรวจสอบที่เชื่อถือได้

อาจถูกตีความให้ต้องเสียภาษีสูงเกินจริง แม้จะไม่ได้ทำผิด

4. ถ้าไทยต้องดีลแบบเดียวกัน “ใครได้-ใครเสีย” และภาษีจะหนักหรือเบาแค่ไหน?

บางอุตสาหกรรมอาจได้ประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน บางอุตสาหกรรมในประเทศอาจโดนสินค้านำเข้าแย่งตลาด

ส่วนภาษีที่ไทยจะเจอ จะขึ้นกับ 2 ปัจจัย:

  • ไทยเจรจาได้ดีแค่ไหน

  • โครงสร้าง supply chain ของเรามี foreign content และสินค้าปลอมตัวเป็นไทยมากแค่ไหน

5. ไทยพร้อมจะ “ยกเครื่องโครงสร้างการผลิต” เพื่อสร้างแต้มต่อหรือยัง?

สูตร 40-20-10-0 ไม่ใช่แค่ภาษี

แต่มันสะท้อนว่าโลกการค้าใหม่อาจจะให้รางวัลกับประเทศที่สร้างมูลค่าในประเทศได้จริง (มากยิ่งกว่าเดิม)จึงต้องเร่งลงทุนและปรับฐานการผลิตใหม่ ไม่ให้ตกขบวนของโลกยุคใหม่ข้อตกลงเวียดนาม–สหรัฐฯ ไม่ใช่จุดจบ แต่คือจุดเริ่มต้นของแนวทางการค้าแบบใหม่

โดยขอเป็นกำลังใจให้ทีมไทยแลนด์ที่กำลังเจรจาครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

ดีโอโก โชตา นักฟุตบอลคนธรรมดา…ที่ไม่ธรรมดา 🤍

28 นาทีที่แล้ว

ดีโอโก โชตา นักฟุตบอลคนธรรมดา…ที่ไม่ธรรมดา 🤍

28 นาทีที่แล้ว

เหตุผลที่ บริติชกรังด์ปรีซ์ มีความ ‘ขลัง’ เหนือรายการอื่น?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ’ การเมืองภาคแรงงานกับความท้าทายที่ยังไม่ทั่วถึง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ชัวร์ก่อนแชร์ : ครม. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ สูงสุด 1,250 บาท/เดือน เริ่ม 1 ต.ค. 68 จริงหรือ ?

สำนักข่าวไทย Online

ชัวร์ก่อนแชร์ : ครม. เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ สูงสุด 1,250 บาท/เดือน เริ่ม 1 ต.ค. 68 จริงหรือ ?

ชัวร์ก่อนแชร์

ชาวเน็ตใส่ใจ! ดราม่าอินฟลูฯดัง “เลิ่กลั่ก” ถูกหวย จริงหรือคอนเทนต์

สยามรัฐ

ฮือฮา! หนุ่มฟาร์มปลา ได้กบเผือก เชื่อมาให้โชค จุดธูปเสี่ยงดวงได้เลขเด็ดสวยมาก

เดลินิวส์

"นอท ลอตเตอรี่พลัส" งัดหลักฐาน จบดราม่า "เลิ่กลั่ก" ถูกรางวัล 11.59 ล้าน

สยามรัฐ

"ศุภชัย" ซัดกลับ "สมศักดิ์" อย่าโยนบาปกัญชาใส่ภูมิใจไทย ชี้ ปล่อยน้ำกระท่อมคลั่งเกลื่อนเมือง คือผลงานอดีต รมว.ยุติธรรม

Manager Online

น่าเวทนาหญิงพิการ ขอข้าวไปกินกับลูก 3 คน นายจ้างเชิดเงิน ขอกราบเท้าตอบแทน

Khaosod

ดีโอโก โชตา นักฟุตบอลคนธรรมดา…ที่ไม่ธรรมดา 🤍

THE STANDARD

ข่าวและบทความยอดนิยม

USAID ปิดตัวเป็นทางการ โอนเจ้าหน้าที่-โครงการที่เหลือให้ กต.สหรัฐฯ บุช-โอบามา ประณามเป็น ‘โศกนาฏกรรม’

THE STANDARD

สรุปผลตอบแทนสินทรัพย์ทั่วโลกครึ่งปี 2025 ‘หุ้นไทยรั้งท้าย’ -20%

THE STANDARD

สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนาม เรียกเก็บภาษีนำเข้า 20% พร้อมเดินหน้ากดดันญี่ปุ่นด้วยกำแพงภาษี

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...