"ทักษิณ" ลั่น 22 ส.ค.นี้ คดี "ม.112" จบ! เตรียมบินนอกคุยลงทุน แย้มอังคารนี้ "ครม." เคาะชื่อ "ผู้ว่าแบงก์ชาติ" คนใหม่ได้
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟังหูไว้หู” ของสำนักข่าวไทย โดยมี นายวีระ ธีรภัทร และ น.ส.ชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้ดำเนินรายการสด ในงานปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก
ทักษิณ กล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ที่ยังไม่เข้าสู่สภาฯ ว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ เหมือนกับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่ตนเคยพูดไว้ว่า หากสามารถออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ได้ ก็ต้องทำ เพราะทุกอย่างเร่งด่วน ไม่เช่นนั้นประเทศจะล่มสลาย เขายังเสริมว่า เมื่อออก พ.ร.ก.ไปแล้วก็จะมีการร้องเรียนจากหลายฝ่าย ซึ่งตนไม่รู้จะคุยกับพวกเขายังไง เพราะพวกเขาไม่ยอมคุยกับตน
สำหรับการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ทักษิณกล่าวว่าจะมีลักษณะคล้ายกับบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) โดยตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ใหม่ ๆ ได้เรียกเจ้าของธนาคารมาคุย และบอกว่าอยากซื้อหุ้น 50% ซึ่งเจ้าของธนาคารก็เห็นด้วย การที่จีดีพีเติบโตนั้นจะช่วยลดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีให้ต่ำลง
ในเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าของโดนัลด์ ทรัมป์ ทักษิณกล่าวว่า การรู้จักกันไม่ได้ทำให้สามารถลดภาษีได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเจรจาและดีลที่พอใจทั้งสองฝ่าย
ทักษิณ ยังตอบคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ ซึ่งจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า และยังพูดถึงการลงทุนต่างๆ ว่าถ้าเจ้าของบริษัทไม่มีความมั่นใจในบริษัทตัวเอง ก็ยากที่จะดึงดูดการลงทุนจากภายนอก
ทักษิณ กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์กับกัมพูชา ว่าไม่จำเป็นต้องนั่งคิดเรื่องแบ่งเขตแดนอย่างที่ทำกันในประเทศไทย เพราะการพัฒนาไม่ได้จำกัดอยู่ที่เขตแดนที่ชัดเจน
นอกจากนี้ เขายังเผยว่าหลังจากคดีมาตรา 112 จบในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ตนจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการลงทุน และกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น โดยเชื่อว่าเม็ดเงินจากต่างประเทศจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน
ในช่วงท้าย ทักษิณกล่าวปาฐกถาพิเศษและเดินทางกลับพร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โดยปฏิเสธการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า “ประเด็นเยอะแล้ว พอแล้ว” ก่อนที่จะเดินทางกลับไปทันที