ถอดรหัส "สเต็มเซลล์ไขมัน" กลไกใหม่เศรษฐกิจชาติ ปั้นธุรกิจ ส่งเสริมสุขภาพ

หลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 โดยคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์(DPU) เปิดมุมมองใหม่ด้านการแพทย์ฟื้นฟู และเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ ชี้โอกาสขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพไทยสู่สากล พร้อมสร้างผู้นำธุรกิจยุคใหม่ที่เข้าใจนวัตกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพเชิงลึก

เมื่อวันพุธที่ 16 กรกฎาคม 2568 หลักสูตร Super Legal Business Administration Leadership Program หรือ “Super LBA รุ่นที่ 2” โดยคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) จัดการบรรยายพิเศษหัวข้อ "ไขมัน ต้นกำเนิดสเต็มเซลล์ ฟื้นฟูจากภายใน เปิดมิติใหม่แห่งการแพทย์ฟื้นฟู" ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ อาคาร 6 ชั้น 7 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการแพทย์ฟื้นฟู สเต็มเซลล์ และการดูแลสุขภาพเชิงรุก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญแห่งอนาคตเพื่อการดูแลสุขภาพในยุคสังคมสูงวัย

โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ ได้แก่ นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และแพทย์หญิงศิริพร ธนินทรานนท์ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์สุขภาพและความงามหมอศิริพร ให้เกียรติมาเป็นวิทยากร

แพทย์หญิงศิริพร ธนินทรานนท์ เปิดประเด็นด้วยความสำคัญของการดูแลสุขภาพเชิงรุก โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรวัย 50-70 ปี ที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยซึ่งอาจเผชิญกับความเจ็บป่วย โดยระบุว่า‘ความชรา’ คือความเสื่อมของร่างกายในระดับเซลล์ แม้เซลล์มนุษย์จะมีศักยภาพในการอยู่ได้ถึง 120 ปี แต่ปัจจัยภายนอกที่สะสมจากวิถีชีวิตประจำวันกลับเร่งให้เกิดความเสื่อมก่อนวัยอันควร

แพทย์หญิงศิริพร ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ความเครียดเรื้อรังทำให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลลดภูมิคุ้มกัน เพิ่มความเสี่ยงโรค NCDs และการนอนหลับไม่ลึกส่งผลให้ร่างกายผลิตเมลาโทนินและโกรทฮอร์โมนน้อยลง ทำให้เซลล์ไม่ได้รับการซ่อมแซม นอกจากนี้การขาดการออกกำลังกายยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยกว่า 50% เป็นโรคอ้วน และเป็นต้นตอของโรค NCDs

ขณะเดียวกันการขาดสังคมที่ดีก็ส่งผลต่อความเสี่ยงอัลไซเมอร์และอายุขัยที่สั้นลง ส่วนประเด็นเรื่องเงินทุนแม้ไม่เกี่ยวกับชีววิทยาโดยตรง แต่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดี ด้วยเหตุนี้จึงเกิดศาสตร์ชะลอวัยที่มุ่งเน้นแนวทางป้องกันก่อนเกิดโรค ผ่านการปรับพฤติกรรมและการฟื้นฟูเซลล์อย่างเป็นระบบ

“ความชราจริงๆ ก็คือความเสื่อมตามวัย พอเราอายุ 30 ปีขึ้นไปสเต็มเซลล์ในร่างกายก็จะลดลง ศาสตร์ชะลอวัยจะเน้นการดูแลตัวเองก่อนที่จะเจ็บ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ควรรอให้เจ็บป่วยแล้วค่อยมารักษา เพราะนั่นหมายถึงร่างกายเราไม่ไหวแล้ว”

ด้าน นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ผู้ริเริ่มและผลักดันการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาโรค ได้อธิบายถึงศักยภาพของสเต็มเซลล์ว่า ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์นับล้านล้านเซลล์ที่เริ่มต้นจากเซลล์เพียงสองเซลล์ และมีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Mesenchymal Stem Cells (MSCs) ที่สกัดจากไขมัน (Adipose-derived Stem Cells) เป็นเซลล์กลุ่มพิเศษที่มีความสามารถในการแบ่งตัวและฟื้นฟูเซลล์อื่นๆ ได้

นายแพทย์วีรพล ยังอธิบายถึงความโดดเด่นของการใช้สเต็มเซลล์จากไขมันของตนเองว่า "สามารถปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ หรือปลูกถ่ายอวัยวะสำคัญในอนาคต ด้วยการเริ่มต้นจากสเต็มเซลล์ในไขมันตนเองได้ โดยความโดดเด่นคือความสามารถที่เข้ากับร่างกายได้ 100% และคงอยู่ตลอดไป" นอกจากนี้การใช้เซลล์ตนเองยังไม่มีความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธเนื้อเยื่อ, การแพ้ หรือภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับเซลล์จากผู้อื่น

สำหรับ “สเต็มเซลล์” โดยเฉพาะ MSCs จากไขมัน ถือเป็น "ยา" (Advanced Therapy Medicinal Product หรือ ATMP) และจัดเป็น Personalized Precision Medicine ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดเก็บสเต็มเซลล์ การตกแต่งพันธุกรรม และการสังเคราะห์อวัยวะได้ในอนาคต เพื่อผลักดันการแพทย์ขั้นสูงนี้ กระทรวงสาธารณสุขและ อย. ได้ให้การสนับสนุนและสร้าง Sandbox เพื่อให้สามารถขึ้นทะเบียน ATMP เป็นยาได้ ซึ่งจะเป็น"Driving Engine" สำคัญของประเทศ

นายแพทย์วีรพล ยังได้เน้นย้ำว่า การแพทย์ไทยในปัจจุบันอยู่ใน อันดับ 4 ของโลก ในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม และด้วยการพัฒนา ATMP นี้ มีเป้าหมายที่จะยกระดับการแพทย์ของไทยขึ้นสู่"อันดับ 2 ของโลก" ได้เลย โดย ATMP ถือเป็น"ประตูใหม่" ของทางการแพทย์ทั้งหมด และเป็นนวัตกรรมที่สำคัญสำหรับประเทศไทย เนื่องจากเป็นสิ่งที่มีมูลค่าสูง และจะเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ที่จะช่วยเพิ่ม GDP จาก 5% เป็น 15% ในภาคการแพทย์ทั้งหมด และด้วยศักยภาพและความโดดเด่นนี้ของประเทศไทยในด้าน Medical และ Health Tourism รวมถึงความเป็น "Land of Smiles" จึงเป็นเหตุผลสำคัญในการผลักดันให้การแพทย์เป็น Engine ใหม่ของประเทศ

หลังเสร็จสิ้นการบรรยาย ผู้เข้าร่วมได้ซักถามประเด็นที่สนใจ ซึ่งรวมถึงวัตถุประสงค์หลักของหลักสูตร Super LBA ในการเสริมความรู้ด้านนวัตกรรมการแพทย์และการดูแลสุขภาพเชิงลึกแก่ผู้นำธุรกิจ พร้อมกันนี้ยังมีการตอกย้ำคุณสมบัติของ MSCs จากไขมัน ที่โดดเด่นด้านการฟื้นฟูเซลล์ ยับยั้งการอักเสบ และสร้างสารเร่งการเติบโต รวมถึงความปลอดภัยที่ได้รับการยืนยันจากงานวิจัยกว่า 30 ปี นอกจากนี้การแลกเปลี่ยนยังเน้นย้ำถึงบทบาทของ ATMP ที่ อย. รับรอง ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่ Medical Hub และศูนย์กลางการผลิตยาขั้นสูงระดับโลก

ภายในงานยังมีการจัดพิธีมอบรางวัลรายงานวิชาการหลักสูตร Super LBA ของรุ่นที่ 1 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาที่ผู้เข้าร่วมต้องจัดทำรายงานกลุ่มวิชาการที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามสาขาอาชีพ อาทิ อสังหาริมทรัพย์, การแพทย์, การเงิน, และอาหาร โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษา และนำเสนอต่อคณะกรรมการวิชาการ นำโดยอาจารย์ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ ประธานกรรมการหลักสูตรและคณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ก่อนจะปิดท้ายด้วยกิจกรรมสานสัมพันธ์ "พี่พบน้องรุ่นที่ 2: รับน้องด้วยใจ พาไปด้วยรัก" เพื่อสานสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายระหว่างผู้บริหารองค์กรชั้นนำของประเทศทั้งสองรุ่น อันจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์ธุรกิจไทยให้เติบโต