‘วิโรจน์’ เตือนตั้งสติรับมือ ‘ฮุน เซน’ บิดาสแกมเมอร์ทำปั่นป่วน ท้าเปิดชื่อ 7 นักการเมืองไทยฟอกเงิน
'วิโรจน์' เตือนคนไทยตั้งสติ-รับมือให้ดี ชี้ 'ฮุน เซน' เป็นบิดาของสแกมเมอร์ มาเพื่อสร้างความปั่นป่วน ซัดหักหลัง-เหยียบศพขึ้นไปมีอำนาจเท่าไหร่ จะมีคลิปหรือไม่มีก็บอกว่ามีไว้ก่อน เพราะเป็นตัวพ่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ ท้าเปิดชื่อ 7 นักการเมืองไทยฟอกเงิน เชื่อ 'อิ๊งค์' รู้แต่ไม่จัดการ ย้อนถามเป็นคนรอบตัวหรือไม่ ฉะ 'มาริษ' เงียบเกินไป ควรเปลี่ยนตัวเอาคนที่เก่ง-ทันเกมกว่านี้
27มิ.ย.2568 - ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา อาจทำให้รัฐบาลไทยคอยกังวลว่าสมเด็จฮุน เซน จะปล่อยอะไรออกมาบ้าง ว่า ปกติแล้ว ความขัดแย้งระหว่างประเทศทั่วโลกจะกังวลว่าอีกประเทศจะปล่อยขีปนาวุธหรือโดรนสังหาร แต่สมเด็จฮุน เซน ปล่อยคลิปปั่นกระแสทุกวัน ซึ่งจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่เขารู้ว่าแหย่อะไรออกมาแล้ว เราจะตื่นเต้น ดังนั้น ตนคิดว่าอย่าไปสนใจมาก สมเด็จฮุน เซน มีอะไรก็ปล่อยออกมาเลย
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทุกอย่างที่สมเด็จฮุน เซน ทำเป็นกระบวนการ ล่าสุดก็บอกว่าจะแฉนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าวางแผนนั้นแผนนี้ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก่อนหน้านั้นก็ทำเป็นคุณพ่อรู้ดี มีการเตือนนายทักษิณเรื่องนายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังมีการบอกว่าเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบอกว่าภายใน 3 เดือน ประเทศไทยจะเปลี่ยนผู้นำ รวมทั้งรู้แล้วว่าเป็นใคร มีการถ่ายรูปห้องนอนของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และปล่อยคลิปเสียงสนทนากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมทั้งให้โฆษกโพสต์ว่าไม่มีห้วงเวลาไหนที่ประเทศไทยหวาดกลัวกัมพูชาเท่ากับยุคของสมเด็จฮุน เซน
“ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เรารู้สึกหรือไม่ว่าเขาเป็นผู้นำสายคอนเทนต์ เขาปลุกปั่นตลอด ผมถึงบอกว่าจริงเท็จประการใดก็บอกมาเลย อย่าไปสนใจเลย คนคนนี้คือบิดาของสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชียวนะ สแกมเมอร์เขาก็ทำแบบนี้แหละ มีคลิปหรือไม่มี ก็บอกว่ามีไว้ก่อน พอบอกว่ามีอะไรก็บอกว่ายังไม่บอก เป็นการข่มขู่ ดังนั้น ผมคิดว่าควรดึงใจของพวกเรากลับมา อย่าหลงเป็นเหยื่อบิดาของสแกมเมอร์แห่งภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คนคนนี้เลย ถ้ามี เราค่อยตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ใส่ใจ หากมีค่อยมาดูด้วยเหตุด้วยผล ขอยืนยันว่าไม่ใช่อยู่ดีๆ วันนี้ ฮุน เซน ให้สัมภาษณ์อย่างเดียว ไม่มีหลักฐานอะไร แล้วไปเอาคำสัมภาษณ์ของฮุน เซนไปแจ้ง ม. 112 ต่อคุณทักษิณ อันนี้ไม่ได้ การกล่าวหาของบิดาแห่งวงการสแกมเมอร์ไม่ใช่หลักฐาน หรือต่อให้มีคลิปเสียง คลิปภาพก็ต้องพิสูจน์ก่อน เพราะยุคนี้ AI มันทำได้” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า เราต้องตั้งสติรับมือให้ดีและต้องตั้งคำถามว่าเขาทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ตนยืนบันว่าคนคนนี้ กว่าที่เขาจะขึ้นมาสู่ตำแหน่งทางการเมืองได้ สามารถที่จะรักษาอำนาจทางการเมืองมาหลายสิบปีได้ เขาหักหลัง แทงข้างหลังคน เขาเหยียบบนกองศพ บนโครงกระดูกมาเยอะแยะ เขาไม่มีเพื่อนที่แท้จริง ไม่มีศัตรูที่ถาวรอยู่แล้ว เขาพร้อมที่จะหักหลังทุกคน ดังนั้น เราต้องรู้ก่อนว่าเรากำลังเจอกับอะไร และอย่าให้เขาปลุกปั่นเราได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สนใจ ไม่ต้องตื่นเต้น วันนี้ที่ฮุน เซนบอกว่าจะสื่อสารถึงคนไทยเกี่ยวกับนายทักษิณ ตนเผื่อใจไว้ 30% ว่าเขาอาจจะไม่พูดถึง สมมติอยู่ดีๆ เขาพูดว่าได้รับข้อเสนอที่รับได้แล้ว เขาไม่พูดแล้วดีกว่า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครหยิบยื่นข้อเสนอให้เขา
"เราก็ต้องตั้งคำถามกับนายกรัฐมนตรีว่าไปดีลลับอะไรหรือไม่ เพราะเป็นนิสัยของนายทักษิณและวงศ์วานที่ชอบดีลลับ ทำให้ประชาชนพุ่งเป้าที่นายทักษิณและนายกรัฐมนตรี และที่ฮุน เซน ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ ต ถามว่าเขารัก พล.อ.ประยุทธ์หรือ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ากองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ก็มีความเกลียดชังนายทักษิณและไม่ชอบ น.ส.แพทองธารอยู่แล้ว ดังนั้น การวิพากษ์วิจารณ์หรือด่าทอมาที่ปผมหรือนายกรัฐมนตรี สามารถด่าได้ แต่เวลาที่ฮุน เซน พูดอะไร เขายุให้เราตีกัน และต้องมานั่งทะเลาะกันเพราะคำพูดของสแกมเมอร์ คิดว่ามันไม่ใช่"
เมื่อถามว่าอย่างนี้รัฐบาลควรตอบโต้อย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า คิดว่านายกรัฐมนตรีควรจะวางโครงสร้างแล้ว เพราะไม่มีใครรู้ว่าโฆษกประจำตัวของนายกรัฐมนตรีที่จะตอบโต้อย่างสมเหตุสมผลคือใคร ตอนนี้เรารู้แต่ว่าคนใกล้ตัวที่ทำให้นายกรัฐมนตรีมีปัญหา ชื่อเล่น อ.อ่าง และนายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งโฆษกและคณะทำงานของกระทรวงการต่างประเทศที่จะชี้แจงต่อทูตต่างๆ อย่างทันท่วงทีคือใคร ตนคิดว่าในทุกสถานการณ์ที่เป็นวิกฤต จะต้องมีคนตอบโต้ให้ทันสถานการณ์ เช่น ช่วงโควิดระบาด เราก็รู้ว่าทีมโฆษกมีใครบ้าง หรือกรณีเขาพระวิหาร เราก็รู้ว่าใครเป็นโฆษก แต่เรื่องนี้ เป็นการรับมือกับบิดาแห่งสแกมเมอร์ จะต้องมอบหมายเป็นการเฉพาะ โฆษกรัฐบาลอย่างเดียวคงไม่พอ
เมื่อถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นานาชาติรับไม่ได้ นอกจากตอบโต้ทางวาจาแล้ว ควรมีกลไกอื่นด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องประท้วง เพราะสถานที่ตั้งของสหประชาชาติก็อยู่ในประเทศไทย รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ด้วย ตนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงกับทูตประเทศต่างๆไปแล้ว แต่ต้องต่อเนื่อง ซึ่งบทบาทของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อาจจะเงียบเกินไป เราควรมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่เก่งกว่านี้
เมื่อถามว่าจะให้ปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออกใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ต้องหาคนที่ไวต่อสถานการณ์และกล้าตัดสินใจมากกว่านี้ เพราะ ณ วันนี้ เรากำลังรับมือกับคนที่เขาวางแผนและไตร่ตรองล่วงหน้าที่จะโจมตีไทย มีการเขียนบทไว้ล่วงหน้าว่าจะชมใคร ด่าใคร หรือทำคอนเทนต์อย่างไร ดังนั้น เมื่อไหร่ที่เรางับเบ็ด เช่น กรณีที่เขาชม พล.อ.ประยุทธ์ เพราะต้องการที่จะยุแยงให้เกิดการปะทะกันระหว่างคนไทย และเป็นการสนับสนุนการทำรัฐประหารกลายๆ เพราะเขารู้ว่านานาชาติไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร จะทำให้เราเสียเปรียบมากขึ้นในการเจรจาเรื่องความขัดแย้งชายแดน และทำให้ประเทศหมดความชอบธรรมในเวทีโลก
ถามต่อว่า 2 พ่อลูกตระกูลฮุน ต้องการให้ไทยทำรัฐประหารใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนพยายามอ่านเกมแล้ว มี 4-5 เรื่อง 1.ความขัดแย้งกับนายทักษิณ น่าจะมีผลประโยชน์บางอย่างที่ตกลงกันไม่ได้จนหักเหลี่ยมโหดกัน 2.เขามีความกังวลในเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ฐานใหญ่สุดอยู่ที่กัมพูชา ซึ่งถ้าตามข่าว ทั้งบริษัท ฮุยวัน รวมถึงออกญาลียงพัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับ LYP กรุ๊ป ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ แม้กระทั่ง ออกญา มงฤทธี ที่เป็นมือไม้ให้ฮุน เซน ดังนั้น ถ้าเราดูเส้นทางทางการเงินเหล่านี้ หลายกรณีพัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ค้ามนุษย์ ค้ายาเสพติด การพนันออนไลน์ โดยเฉพาะบริษัทฮุยวัน ที่ทาง คณะทำงานปฏิบัติการทางการเงิน (FATF) ของสหรัฐฯติดตามเรื่องการฟอกเงินอยู่ เพราะพบเบาะแสว่ามีความเชื่อมโยงกับแฮ็กเกอร์ในกลุ่มประเทศเกาหลีเหนือ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำจาก FATS ซึ่งเป็นคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึงใช้เงินในการก่อการร้าย เป็นการรวมกันของหลายประเทศ
นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีควรจะสั่งการคณะกรรมการป้องปันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ให้รวบรวมข้อมูลร่วมกับ ปปง.ต่างประเทศ เพราะเส้นทางทางการเงิน ทาง ปปง.มีอยู่แล้ว เมื่อข้อมูลตกผลึก ก็สามารถให้ FATF ขึ้นบัญชีดำกัมพูชาเลย และขอเรียกร้องให้นายกลงนามในสัตยาบัน UNCC ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยอาชญากรรมทางไซเบอร์ ซึ่งเราจะสามารถขอให้ส่งผู้ร้ายที่ก่อเหตุอาชญากรรมทางไซเบอร์ข้ามแดนได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฮุน เซน กลัวที่สุด แต่ตนต้องตั้งคำถามไปที่นายกรัฐมนตรีว่าทำไมไม่ทำ หรือเป็นเพราะฮุน เซน เปิดเผยว่ามีนักการเมือง 7 คนไปฟอกเงินที่กัมพูชา
เมื่อถามว่าใน กมธ.การทหารได้เปิดเผนรายชื่อนักการเมืองไทย 7 คนหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ปปง.รู้ เพราะทุกธุรกรรมตั้งแต่ 700,000 บาทขึ้นไป ไม่ว่าจะออกหรือเข้า ปปง.ต้องทราบ จึงพอที่จะคาดการณ์ได้ว่าเป็นใคร แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นบุคคลใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีรู้จักหรือไม่ ถ้าหนักกว่านั้น อาจจะเป็นอดีตรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะหากใช่ก็จะโดนข้อหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ
"และถ้าเงินนั้นมาจากการทุจริตก็เข้าความผิดมูลฐานที่ ปปง.จะสามารถอายัดทรัพย์สินได้ และนายกรัฐมนตรีก็ไปแต่งตั้งคนที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ การฟอกเงินมาเป็นรัฐมนตรี ก็จะผิดจริยธรรมแล้วมีจุดจบเหมือนนายเศรษฐา ทวีสิน จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะประเด็นเหล่านี้หรือไม่ที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้จริงจังในการจัดการ ทั้งที่สามารถพุ่งเป้าไปที่กระเป๋าเงินตระกูลฮุนได้ ซึ่งแม่นยำ ได้ผล กดดัน และสร้างผลกระทบให้ผู้ประกอบการชายแดนน้อยกว่าที่เป็นอยู่ "
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ผลการประชุมของ กมธ.การทหารเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ตนในฐานะประธานกมธ.ฯ ได้ทำหนังสือ ข้อสังเกต และข้อมูลลับถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว ดังนั้น จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ เชื่อตนหรือไม่ เผลอๆ ตนอาจจะเอาเรื่องที่นายกรัฐมนตรีรู้อยู่แล้วไปบอกก็ได้ อาจจะรู้ละเอียดกว่าตนด้วยซ้ำ ซึ่งข้อมูลดังกล่าว กมธ.ก็ตกใจ ซึ่งตอนนี้ ปปง.รู้ทุกอย่างทั้งกลุ่มทุนไทยที่น่าจะไปฟอกเงินในกัมพูชา หรือกลุ่มทุนกัมพูชาที่เข้ามาปฏิบัติการในประเทศไทย