โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โรงไฟฟ้า BLCP ศึกษานวัตกรรมเชื้อเพลิงใช้ แอมโมเนียคาร์บอนต่ำ แห่งแรกอาเซียน

ไทยโพสต์

อัพเดต 28 มิถุนายน 2568 เวลา 0.26 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"โดยผลดีของการนำแอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมนั้น ทำให้การผลิตไฟฟ้าสะอาดขึ้น ช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) โดยชนิดของแอมโมเนียคาร์บอนต่ำที่นำมาใช้นั้นเป็นแอมโมเนียสีน้ำเงิน (Blue Ammonia) ที่ดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปกักเก็บเพื่อใช้ประโยชน์อื่น โดยไม่ปล่อยออกสู่อากาศ ซึ่งการศึกษาเบื้องต้นโรงไฟฟ้า BLCP จะใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำร่วมในการผลิตที่ 5 แสน – 1 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถ่านหินลงได้ประมาณ 5-20%"

โรงไฟฟ้าBLCP ถือได้ว่ามีกำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศชึ่งกำลังการผลิต และการเปิดดำเนินการทั้งสองหน่วยผลิตนี้มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (Power Development Plan-PDP) ของประเทศไทย

นอกจากนี้โรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังมีต้นทุนการผลิตต่อหน่วยในระดับที่จะมีส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิตโดยรวมของประเทศ (Cost Stability) รวมทั้งช่วยชะลอการขึ้นราคาปลีกของค่าไฟฟ้าภายในประเทศ (Price Stability) ท่ามกลางสถานการณ์น้ำมันแพงที่ผันผวนตามตลาดโลกในปัจจุบัน

ที่สำคัญโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังมีส่วนช่วยส่งเสริมนโยบายการกระจายการใช้เชื้อเพลิงเพื่อให้หลากหลายแก่ประเทศ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการกระจุกตัวของประเภทเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของประเทศในอนาคต (Fuel Diversification Policy)และรักษาสิ่งแวดล้อม

ล่าสุด โรงไฟฟ้า BLCP เดินหน้าพันธกิจหลักพัฒนานวัตกรรมการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนต่อทุกภาคส่วน ล่าสุดประกาศความสำเร็จโครงการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำเป็นเชื้อเพลิงร่วมถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (METI) ถือเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินแห่งแรกของอาเซียนและลำดับ 3 ของเอเชีย พร้อมจับมือ ปตท. ในการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำเพื่อผลิตไฟ 5 แสน–1 ล้านตันต่อปี เพื่อช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์

ยุทธนา เจริญวงศ์

นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กล่าวถึง ภาพรวมของธุรกิจโรงไฟฟ้าและทิศทางการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า BLCP ว่า โรงไฟฟ้า BLCP เป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ (IPP) มีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1,434 เมกะวัตต์ จากหน่วยผลิต 2 หน่วย โดยไฟฟ้าที่ผลิตจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งพันธกิจหลักขององค์กรครอบคลุมทั้งด้านการสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า (System Stability) รักษาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

เป้าหมายดังกล่าวถูกปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การเลือกถ่านหินทูมินัสคุณภาพสูงมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยนำเข้าจากออสเตรเลียปีละประมาณ 3.6 ล้านตัน ร่วมกับระบบเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ไม่ว่าจะเป็นระบบกำจัดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (FGD) ระบบดักจับฝุ่นไฟฟ้าสถิต (ESP) พร้อมการดูแลและการพัฒนาประสิทธิภาพในการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยนวัตกรรมเทคโนยีสมัยใหม่ ช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น การลดการใช้น้ำจืดในกระบวนการผลิต การจัดทำระบบบำบัดน้ำเสียและนำน้ำที่บำบัดแล้วหมุนเวียนมาใช้ใหม่ การควบคุมการปล่อยมลพิษที่ได้มาตรฐานตามที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด ฯลฯ ส่งผลให้การใช้เชื้อเพลิงลดลง ของเสียจากการผลิตลดลง ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนมากขึ้น

ส่วนความสำคัญและบทบาทของการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินนั้น ถือว่ายังคงมีความจำเป็นต่อบริบททางสังคมและเศรษฐกิจของไทย ก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานอื่นที่ปัจจุบันยังมีต้นทุนการผลิตและการลงทุนที่สูงอยู่มาก ซึ่งต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า BLCP นั้น เฉลี่ยไม่ถึง 2 บาท เพราะถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น หาได้ง่ายและมีปริมาณมาก ทำให้เมื่อนำต้นทุนการผลิตไปคำนวณเป็นค่าเอฟทีแล้ว สามารถรักษาเสถียรภาพของค่าไฟฟ้าไม่ให้สูงจนเกินไปจนเกิดผลกระทบต่อประชาชน หรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนและการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

นอกจากหน้าที่สำคัญในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้ดีที่สุดแล้ว โรงไฟฟ้า BLCP ยังมีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชนและบริษัทชั้นนำของไทยและต่างประเทศ อาทิ เจร่า (JERA) หนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของโลกจากประเทศญี่ปุ่น, Mitsubishi Corporation และ Mitsubishi Heavy Industries, Chiyoda Corporation, Algae Bio, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ฯลฯ ซึ่งโครงการความร่วมมือนั้น ครอบคลุมในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า การลดมลพิษ การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและโครงการที่สนับสนุนการสร้างความยั่งยืนตามแนวทาง ESG Model

ล่าสุดโรงไฟฟ้า BLCP ได้มีการจับมือกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ สำหรับเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าของ BLCP โดยเป็นผลต่อเนื่องจากการศึกษาถึงโอกาสในการจัดหาแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ สำหรับเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าถ่านหินของ BLCP เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา โดยได้ร่วมกันเพื่อศึกษาตลาดแอมโมเนียคาร์บอนต่ำ เจรจากับผู้ผลิตและผลักดันกับทางภาครัฐให้แอมโมเนียใช้เป็นเชื้อเพลิงได้ ซึ่งบันทึกข้อตกลงฉบับใหม่ ได้ขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุมการร่วมกันศึกษาและประเมินศักยภาพของโครงการตั้งแต่ขั้นตอนการสาธิต (Demonstration) จนถึงการพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ (Commercialization) ถือเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความยั่งยืนในระดับสากล ซึ่งการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาเป็นเชื้อเพลิงร่วมในการผลิตไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้า BLCP นับเป็นแห่งแรกของอาเซียนและเป็นลำดับที่ 3 ของเอเชีย ต่อจากญี่ปุ่นและเกาหลี

โดยผลดีของการนำแอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงร่วมนั้น ทำให้การผลิตไฟฟ้าสะอาดขึ้น ช่วยลดค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) โดยชนิดของแอมโมเนียคาร์บอนต่ำที่นำมาใช้นั้นเป็นแอมโมเนียสีน้ำเงิน (Blue Ammonia) ที่ดึงเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปกักเก็บเพื่อใช้ประโยชน์อื่น โดยไม่ปล่อยออกสู่อากาศ ซึ่งการศึกษาเบื้องต้นโรงไฟฟ้า BLCP จะใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำร่วมในการผลิตที่ 5 แสน – 1 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะช่วยลดการใช้ถ่านหินลงได้ประมาณ 5-20%

สำหรับโครงการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำมาเป็นเชื้อเพลิงร่วมในโรงไฟฟ้าBLCP นั้น เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566 โดยเป็นการศึกษาวิจัยและพัฒนาร่วมกันหลายฝ่าย ทั้งโรงไฟฟ้า BLCP, บ้านปู, เอ็กโก, เจร่า (JERA), Mitsubishi Corporation, Mitsubishi Heavy Industries ภายใต้ทุนสนับสนุนจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม ประเทศญี่ปุ่น (METI) ที่นอกจากจะสนับสนุนโครงการศึกษาการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำแล้ว ยังให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ของโรงไฟฟ้า BLCP อาทิ โครงการนำคาร์บอนไดออกไซด์กลับมาใช้ โครงการใช้จุลสาหร่ายในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดำเนินการร่วมกับ Algal Bio ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลสาหร่ายระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายโครงการในอนาคตอีกด้วย

โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) “มุ่งพัฒนาพลังงานที่มั่นคง เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” ผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.blcp.co.th/web/index หรือ Facebook : โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี - BLCP Power Limited

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ผบ.ทบ. แจงกมธ.งบ 69 จัดหา ‘ยานเกราะ’ รองรับพื้นที่ตะวันออก รบระยะไกลได้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ ยื่นลาออกบอร์ดปตท. โยงข่าวชัดรับเก้าอี้ ครม.อิ๊งค์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ ยื่นลาออก บอร์ดปตท. โยงข่าวรับเก้าอี้ ครม.อิ๊งค์

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘อิ๊งค์นิ่ง-ภูมิธรรมปัด’ ปมโผ ครม.ใหม่

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

9 ทันโลก : เมื่อ “ฮุน เซน” อ้างว่ากัมพูชาเป็นเหยื่อสแกมเมอร์

สำนักข่าวไทย Online

TNN 2 รับรางวัล "เชิดชูเกียรติการสร้างชาติ” Award Ceremony Nation Building & World Setter Award 2025

TNN ช่อง16

เดียร์ ขัตติยา รังเกียจ!! ฮุนเซนสุมไฟในบ้านคนอื่น

TOJO NEWS

ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ ตั้งทีมเฉพาะกิจ เร่งกู้วิกฤติเศรษฐกิจชายแดน สินค้าตกค้างกว่า 50 ล้าน

เดลินิวส์

“ศุภชัย”โต้“ชูวิทย์”กล่าวหา ภท.สมรู้ร่วมคิด“ฮุนเซน”ล้ม กาสิโน ยัน คนไทยไม่ต้องการบ่อน ซัด คดีเก่าล้นศาล อย่าอ้อนวอนขออภัยอีก

Manager Online

เช็กที่นี่ บช.น. แนะเส้นทางเลี่ยง กลุ่มผู้ชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิวันพรุ่งนี้

Khaosod

จอม เพชรประดับ เคลื่อนไหว นี่แหละ!! ผลของรัฐบาลข้ามขั้ว ผลของดีลลับ

TOJO NEWS

กระทบ 5 อำเภอ น้ำท่วมเชียงรายน้ำป่าไหลหลาก

News In Thailand

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...