ไลอ้อน ตั้งเป้าหมื่นล้าน ภายในปี 2030 ดันกลุ่ม Personal Care เป็นเรือธง
นายประเสริฐ สุรัตนเมธากุล กรรมการบริหาร บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจคู่คุณธรรม พัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตลอดระยะเวลา 56 ปี เปิดเผยความสำเร็จกลุ่มผลิตภัณฑ์ Personal Care ที่เติบโตต่อเนื่อง ทำให้มีสัดส่วนยอดขายเพิ่มจาก 30% เป็น 50% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การพัฒนาแบรนด์ที่มี Brand Purpose ชัดเจน มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สุขภาพ ความงาม และความยั่งยืน เพื่อสร้าง Brand Loyalty และขยายตลาดในอนาคต
ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ Personal Care ของไลอ้อน ประกอบด้วยแบรนด์ชั้นนำที่ประสบความสำเร็จหลากหลาย เช่น Kodomo (กลุ่ม Baby Care) ซึ่งเติบโตเกือบ 20% แม้แนวโน้มเด็กเกิดใหม่ลดลง, Shokubutsu Monogatari ครองแชมป์ครีมอาบน้ำ 5 ปีซ้อน
และล่าสุด ยังได้รับรางวัล “Brand SuperFan 2024” อันดับ 4 จากการสำรวจกว่า 200 แบรนด์ชั้นนำที่มีในประเทศไทยโดยไม่ได้แยกหมวดหมู่สินค้า , Systema แปรงสีฟันที่ครองยอดขายอันดับ 1 ในกลุ่มแปรงสีฟันพรีเมี่ยมอย่างยาวนาน , คิเรอิคิเรอิ ที่ครองอันดับหนึ่งในตลาดผลิตภัณฑ์ล้างมือตลอดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา รวมถึง FALLES ฟอลเลสแชมพูสมุนไพรดูแลการหลุดร่วงของเส้นผมอันดับ 1 รวมทั้ง GoodAge ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาวะวัยสำหรับผู้สูงอายุ ที่มีอัตราการเติบโตสูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา
ไลอ้อน เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจนด้วยการชู Brand Purpose มุ่งสร้างสุขภาวะที่ดีและโลกที่ยั่งยืน เช่น แบรนด์ Shokubutsu Monogatari ที่ใช้วัตถุดิบ 99% จากพืชธรรมชาติ และสนับสนุนวัตถุดิบจากเกษตรกรไทยแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมลดพลาสติกกว่า 40 ตันต่อปี ผ่านแนวคิด Circular Economy ขณะที่ Kirei Kirei คิเรอิคิเรอิ มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมล้างมือให้เป็นนิสัยคนไทย โดยตั้ง KPI ไปทางสังคมมากกว่าการเติบโตของยอดขายเพียงอย่างเดียว
ด้านช่องทางการขายและการสื่อสาร ไลอ้อน ได้ปรับกลยุทธ์เข้าสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทั้ง TikTok, Facebook, Podcast จนถึงเกมออนไลน์ อาทิ Shokubutsu Men ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำที่มีมาร์เกตแชร์มากกว่า 57% ด้วยกลยุทธ์รุกตลาดผ่าน Sport Marketing และแพลตฟอร์มเกมออนไลน์ พร้อมกระจายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ช เช่น Shopee, Lazada และ Lion Shop Online
“ตลอดระยะเวลา 56 ปี ไลอ้อน ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าส่งต่อสุขภาวะที่ดีให้กับผู้บริโภคควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์ต่อสังคม โดยยึดแนวทาง Business with Ethics หรือ “ธุรกิจคู่คุณธรรม”มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อก้าวสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ เราเชื่อว่าพลังของแบรนด์ไม่ได้อยู่ที่ยอดขายเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมี Brand Purpose ที่ชัดเจน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้คนให้มีสุขนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ และส่งผลดีต่อสังคมและโลกในระยะยาว
ดังนั้น ไลอ้อน จึงมุ่งมั่นและพัฒนาสินค้าเฉพาะช่วงวัยให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ลงทุนเต็มที่ในนวัตกรรม และ ESG สร้าง Brand Purpose และ Success Story ในเรื่อง Circular Economy ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อช่วยเกษตรกรไทยในระยะยาว ทำให้เกิดการสนับสนุนกันทั้งระบบตั้งแต่ เกษตรกร ผู้ผลิต และลูกค้า นอกจากนั้นยังมุ่งมั่นที่จะสร้างสุขนิสัยที่ดีให้คนไทย เหมือนที่ Kodomo ประสบความสำเร็จในการสร้างสุขนิสัยในการแปรงฟันให้เด็กไทยมากว่า 30 ปี แบรนด์ คิเรอิคิเรอิ ก็กำลังเดินตามเส้นทางนี้ที่มุ่งสร้างพฤติกรรมล้างมือในสังคมไทยโดยมุ่งหวังจะเพิ่มอัตราการล้างมือในประชากรไทยให้มากกว่าปัจจุบันที่ 15 % ถือเป็นการให้ความสำคัญกับ KPI ทางสังคม ที่มากกว่า KPI ด้านยอดขายเพียงอย่างเดียว นายประเสริฐ กล่าว
สำหรับ เป้าหมายในอนาคต ไลอ้อนตั้งเป้าภายในปี 2030 ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Personal Care ต้องมียอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และมีสัดส่วนมากกว่า 55% ของยอดขายรวม พร้อมให้ความสำคัญกับ R&D, การพัฒนานวัตกรรมจากวัตถุดิบท้องถิ่น อาทิ มะไฟจีน ผักโมโรเฮยะ รวมถึงความร่วมมือร่วมกับองค์กรวิจัยชั้นนำของประเทศ
ไลอ้อน ยังคงยึดมั่นในบทบาทองค์กรที่ “มากกว่าการขายสินค้า” ด้วยการส่งเสริมสุขลักษณะและความเท่าเทียมในสังคม เช่น โครงการส่งเสริมสุขภาพช่องปากผู้สูงวัยด้วยเทคนิคเคนโคบิ” (Kenkobi) รวมไปถึงแคมเปญและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุกเพศและทุกช่วงวัย