"หมอตุลย์" ประกาศชัด! ไม่ยอมรับการเจรจาหยุดยิงของ “ภูมิธรรม–ฮุน มาเนต”
"หมอตุลย์" ประกาศชัด! ไม่ยอมรับการเจรจาหยุดยิงของ “ภูมิธรรม–ฮุน มาเนต” ชี้ ยังมีทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทยอยู่
"นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์" นักเคลื่อนไหวเพื่อความมั่นคงของชาติ ออกแถลงการณ์ ไม่ยอมรับข้อตกลงการเจรจาหยุดยิง ระหว่าง นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย กับ สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองปุตราจายา ประเทศมาเลเซีย
หมอตุลย์ระบุว่า การเจรจาครั้งนี้เกิดขึ้น ในขณะที่ทหารกัมพูชายังบุกรุกเข้ามาในเขตแดนไทย และยังไม่มีการถอนกำลังออกจากพื้นที่ จึงถือเป็นการ “ปล่อยให้ราชอาณาจักรไทยเสียอธิปไตย” ซึ่งอาจเข้าข่าย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119
“ถ้าเจรจาหยุดยิงทั้งที่ศัตรูยังยืนอยู่บนแผ่นดินไทย เท่ากับยอมให้ประเทศเสียเอกราช!” — นพ.ตุลย์ กล่าวอย่างหนักแน่น
โดย มาตรา 119 ระบุว่า:
“ผู้ใดกระทําการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักร หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อํานาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต หรือ จําคุกตลอดชีวิต”
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงรายงานว่า ปัจจุบันยังคงมีการ ตรึงกำลังทหารกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน จ.สุรินทร์ และศรีสะเกษ พร้อมอาวุธหนัก โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ได้มีการยิงถล่มใส่ โรงเรียน, โรงพยาบาล, ปั๊มน้ำมัน และร้านค้าของประชาชนไทย จนได้รับความเสียหายจำนวนมาก
นพ.ตุลย์ยังตั้งคำถามว่า “การเจรจาหยุดยิงในภาวะที่อธิปไตยยังถูกเหยียบย่ำ ถือเป็นการรักษาสันติ หรือเป็นการประนีประนอมอย่างไร้หลักการ” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทย แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการทวงคืนดินแดน และปกป้องอธิปไตย แทนที่จะเร่งรีบเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อลดแรงกดดันทางการทูต
เสียงจากภาคประชาชนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า “การสงบศึก ต้องเกิดหลังจากผู้รุกรานถอยออกจากแผ่นดิน ไม่ใช่ก่อน”
ขณะเดียวกัน นักวิชาการด้านกฎหมายระหว่างประเทศหลายรายเริ่มแสดงความเห็นในทำนองเดียวกันว่า หากมีการลงนามในข้อตกลงหยุดยิงขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังยึดครองพื้นที่ไทยอยู่ อาจส่งผลกระทบต่อ “สถานะดินแดนในทางกฎหมาย” ในระยะยาวได้