สารหนูยังเกินค่ามาตรฐานหลายจุด คพ.เดินหน้าตรวจแม่น้ำกก-สาย-รวก-โขงต่อเนื่อง
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 27 มิถุนายน 2568 เวลา 20.53 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – คพ.รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำ “แม่น้ำกก” ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 9–13 มิ.ย.68 พบค่าสารหนูในน้ำสูงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.010 มิลลิกรัมต่อลิตร หลายจุด โดยเฉพาะช่วงต้นน้ำใกล้ชายแดนไทย–เมียนมา และจุดบรรจบแม่น้ำสาย–แม่น้ำรวก–แม่น้ำโขง ซึ่งยังมีค่าสูงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนสัญญาณจากต้นทางปนเปื้อนที่ต้องเฝ้าระวัง
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำ “แม่น้ำกก” ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 9–13 มิถุนายน 2568 พบค่าสารหนูในน้ำสูงเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.010 มิลลิกรัมต่อลิตร หลายจุด
สำหรับแม่น้ำกก 9 จุดแรกตั้งแต่ชายแดนไทย–เมียนมา อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึง อ.เมือง จ.เชียงราย (KK01–KK09) ตรวจพบค่าสารหนูเกินมาตรฐานทุกจุด โดยเฉพาะจุด KK04 ที่บ้านจะเด้อ ต.ดอยฮาง พบค่าสูงสุดถึง 0.047 มก./ล. ส่วนช่วงปลายน้ำ KK10–KK15 ส่วนใหญ่มีค่าต่ำกว่ามาตรฐาน ยกเว้น KK11 สะพานริมกก–เวียงเหนือรวมใจ ที่พบค่า 0.011 มก./ล.
แม่น้ำสายและแม่น้ำรวก ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาสำคัญของแม่น้ำโขง ตรวจพบค่าสารหนูเกินมาตรฐานทั้ง 5 จุด โดยเฉพาะ SA02 สะพานมิตรภาพสายที่ 2 ที่พบค่า 0.044 มก./ล. ขณะที่แม่น้ำโขงเองซึ่งมีการเพิ่มจุดตรวจที่ NK01 จุดผ่านแดนสามเหลี่ยมทองคำ ก็พบค่าสารหนูเกินมาตรฐานทั้ง 3 จุดที่ตรวจวัด
การวิเคราะห์โดย คพ. ระบุว่า จุดที่ติดชายแดนไทย–เมียนมา ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย มีค่าความขุ่นสูงและพบค่าสารหนูสูง สอดคล้องกับสมมติฐานเรื่องการทำเหมืองในฝั่งเมียนมา อีกทั้งพบว่า ค่าสารหนูมีแนวโน้มแปรผันตรงกับค่าความขุ่นของน้ำ และเกาะอยู่กับอนุภาคสารแขวนลอยในน้ำมากกว่ารูปแบบที่ละลายในน้ำโดยตรง
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเร่ง เช่น ปริมาณฝนและการขุดลอกลำน้ำ ที่ส่งผลให้เกิดการรบกวนตะกอนและเพิ่มความขุ่นในช่วงเวลาตรวจวัด โดยเฉพาะบริเวณดอยฮาง จ.เชียงราย ที่พบสารหนูและความขุ่นสูงกว่าพื้นที่เหนือน้ำใน อ.แม่อาย ที่ไม่มีฝนตกก่อนการเก็บตัวอย่าง
อย่างไรก็ตาม แม่น้ำสาขาอื่นที่ไหลลงแม่น้ำกก ได้แก่ แม่น้ำฝาง แม่น้ำลาว แม่น้ำกรณ์ และแม่น้ำสรวย ยังมีคุณภาพน้ำเป็นไปตามมาตรฐาน ขณะที่ คพ. ยืนยันเดินหน้าตรวจวัดคุณภาพน้ำต่อเนื่องทุกเดือนจนถึงกันยายน 2568 เพื่อเปรียบเทียบผลและหาแนวทางบรรเทาผลกระทบต่อการใช้น้ำของประชาชนในพื้นที่. -512- สำนักข่าวไทย