‘ชาวเกาะ’ กะทิไทย 5 ทศวรรษ คั้นแบรนด์ ‘รอยไทย’ เสิร์ฟอาหารพร้อมทาน
สัมภาษณ์พิเศษ ผู้เขียน : พฤฒินันท์ สุดประเสริฐ ช่างภาพ : ชินวัฒ สมหวัง
กะทิสำเร็จรูป หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ต้องฝ่าความท้าทายรอบด้าน ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสงครามการค้า เช่นเดียวกับ “กะทิชาวเกาะ” กะทิสำเร็จรูปแบรนด์แรกของโลก ที่มีมากว่า 50 ปี ต้องปรับตัวเพื่อฝ่าความท้าทาย และเข้าถึงความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภคร่วมด้วย
“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอำพลฟูดส์ ถึงสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่
ตลาดหมื่นล้าน-ดีมานด์อัพ
ดร.เกรียงศักดิ์ฉายภาพว่า ตลาดกะทิ มีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นกะทิสำเร็จรูป และมีโอกาสโตขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่แบรนด์ “ชาวเกาะ” มีสัดส่วนตลาดอยู่ที่ราว 45%
อย่างไรก็ดี ตลาดกะทิสำเร็จรูปมีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากพอสมควร จากเดิมที่มีเพียงกะทิสำเร็จรูปเพียงสูตรเดียว สามารถทำอาหารได้หลายอย่าง แต่ด้วยตลาดในปัจจุบันที่มีผู้เล่นเกิดขึ้นหลายราย และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความต้องการแตกต่างกันมากขึ้น ทำให้ “ชาวเกาะ” มีการปรับตัว เพื่อตอบรับความต้องการที่หลากหลายขึ้น
โดยปัจจุบัน แบรนด์ “ชาวเกาะ” ภายใต้การผลิตของอำพลฟูดส์ มีผลิตภัณฑ์กะทิสำเร็จรูปแบบ UHT หลากหลายรูปแบบ ทั้งกะทิสำเร็จรูป 100% กะทิสูตรหัวกะทิเข้มข้น กะทิอบควันเทียน กะทิผสมน้ำมะพร้าว
เปิดแฟรนไชส์ไอศกรีม
นอกจากผลิตภัณฑ์กะทิต่าง ๆ สำหรับปรุงอาหารแล้ว กะทิชาวเกาะยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ เช่น กะทิสำเร็จรูป สำหรับทำไอศกรีม และแฟรนไชส์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟกะทิ ซึ่งมาจากการที่เดิมเป็นซัพพลายเออร์ในการผลิตไอศกรีมอยู่เดิม ประกอบกับการมองเห็นถึงช่องว่างของวัตถุดิบสำเร็จรูปที่สะดวกขึ้น จากเดิมที่เจ้าของแฟรนไชส์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ มักส่งวัตถุดิบแบบผงซึ่งต้องใช้เวลาละลายน้ำและขั้นตอนเพื่อให้พร้อมใช้
โดยไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟกะทิ ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่งาน THAIFEX-ANUGA Asia 2025 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันติดตั้งไปแล้วกว่า 100 เครื่อง ควบคู่กับการพัฒนาและสร้างทีมบริการหลังการขาย เพื่อให้กระจายเครื่องและบริการได้รวดเร็วขึ้น โดยมีพื้นที่เป้าหมายหลักในการกระจายแฟรนไชส์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟกะทิ ไปยังร้านค้าต่าง ๆ ทั้งร้านค้าในโรงเรียน หน้าโรงเรียน ร้านอาหารบุฟเฟต์ และร้านกาแฟ ร้านเครื่องดื่มต่าง ๆ
ขณะที่เป้าหมายในอนาคต ดร.เกรียงศักดิ์เปิดเผยว่า ตั้งเป้าจำหน่ายแฟรนไชส์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟกะทิ 1,000 เครื่องในปี 2568 และติดตั้งครบ 10,000 เครื่อง ในอีก 3 ปีข้างหน้า
ขณะที่กะทิสำหรับทำไอศกรีม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดของแบรนด์ “ชาวเกาะ” ถูกออกแบบมาให้ใช้งานสะดวกขึ้น ใช้งานได้กับเครื่องทำซอฟต์เสิร์ฟ หรือใช้ทำไอศกรีมทานในบ้านเองได้ทันที โดยมีจำหน่ายรสกะทิ ผ่านช่องทางของอำพลฟูดส์ และแม็คโคร และจะมีรสอื่น ๆ เพิ่มเติมในอนาคต เช่น รสมะม่วง รสทุเรียน
นอกจากนี้ อำพลฟูดส์ ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับแบรนด์อื่น ๆ และผู้ประกอบการ SMEs รวมกว่า 300 SKUs จากกว่า 30 แบรนด์ โดยใช้ศักยภาพของศูนย์กระจายสินค้าที่มีอยู่ 94 แห่งทั่วไทย ทีมขายรวมกว่า 500 คัน และมีฐานลูกค้าที่เป็นร้านยี่ปั๊ว ซาปั๊ว รวมกว่า 3.7 แสนราย พร้อมตั้งเป้าขยายศูนย์กระจายสินค้าเป็น 100 แห่ง และมีทีมรวม 600 คันภายในปีนี้
เจาะตลาดใหม่ สู้สงครามการค้า
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จะมี “เทพผดุงพรมะพร้าว” บริษัทแม่ของอำพลฟูดส์ เป็นผู้ส่งออกหลัก ทั้งกะทิสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์เครื่องแกง เครื่องปรุงรสต่าง ๆ โดยมีสัดส่วนการส่งออกและการจำหน่ายในประเทศถึง 80% ต่อ 20% และมีตลาดใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ภาษี เพราะมีการส่งออกมากถึง 30-40%
โดยก่อนหน้านี้ คู่ค้าในสหรัฐอเมริกา มีการตุนสต๊อกเพื่อรองรับผลกระทบไว้ส่วนหนึ่งแล้ว จนทำให้การผลิตสินค้าไม่สามารถทำได้ทันความต้องการของคู่ค้า
ส่วนแผนการแก้เกมสงครามการค้านั้น ดร.เกรียงศักดิ์เล่าว่า เทพผดุงพรมะพร้าว เริ่มต้นมองหาตลาดใหม่เพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากตลาดสหรัฐ
ทั้งนี้ ดร.เกรียงศักดิ์ยังมองว่า หากภาษีไม่ลดลงอาจกระทบผู้ประกอบการไทยไม่น้อย เพราะในตลาดอื่น ๆ ที่มีอัตราภาษีถูกกว่าไทย ก็มีการผลิตสินค้าที่คล้ายคลึงกัน และสามารถใช้ทดแทนกันได้ และการปรับขึ้นภาษีในครั้งนี้ ก็เป็นบทเรียนให้กับผู้ประกอบการให้กระจายตลาดมากขึ้น
แผนอนาคตของ “อำพลฟูดส์”
ขณะที่อำพลฟูดส์เอง นอกจากกะทิภายใต้แบรนด์ชาวเกาะแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น น้ำนมข้าวยาคู-ข้าวกล้อง “วีฟิท” หรือน้ำแกงพร้อมปรุง “รอยไทย” ซึ่งถูกต่อยอดจากการทำกะทิ โดยผสมเครื่องแกง พร้อมทำเมนูแกงได้ทันที โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน (Ready-to-Eat) ภายใต้แบรนด์ “รอยไทย เรดี้” ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตและออกสู่ตลาดภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2569
นอกจากนี้ อำพลฟูดส์ ยังมีการร่วมวิจัยกับสถาบันต่าง ๆ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และต่อยอด เพิ่มมูลค่าจากมะพร้าวเหลือใช้ เช่น ทรายแมว ทำจากขุยมะพร้าวและขี้เถ้ากะลามะพร้าว หรืออาหารสัตว์ที่มีส่วนผสมของกากมะพร้าว ซึ่งมีพรีไบโอติก (Prebiotic) ซึ่งปัจจุบันมีการจำหน่ายให้กับโรงงานอาหารสัตว์ และมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อต่อยอดสู่การผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในอนาคต
ส่วนแผนในอนาคตข้างหน้า ดร.เกรียงศักดิ์เล่าว่า มีแผนจะนำบริษัทจดทะเบียนเป็น บริษัทมหาชน (บมจ.) เพราะเดิมเป็นธุรกิจครอบครัว และเชื่อว่า บมจ. จะทำให้เกิดการบริหารจัดการที่ดี เกิดระบบทำงานที่เป็นมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น ทำให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมทั้งขยายการลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ‘ชาวเกาะ’ กะทิไทย 5 ทศวรรษ คั้นแบรนด์ ‘รอยไทย’ เสิร์ฟอาหารพร้อมทาน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net