พาณิชย์ชี้ราคาวัสดุก่อสร้างเสี่ยงผันผวน ครึ่งปีหลังอาจขยับเพิ่มจากความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (ผอ.สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนมิถุนายน 2568 เท่ากับ 113.6 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2567 (YoY) สูงขึ้นร้อยละ 0.3 เนื่องจากมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานของภาครัฐทั้งโครงการใหม่และโครงการต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.9 จากการสูงขึ้นของไม้พื้น ไม้แบบ วงกบประตู และวงกบหน้าต่าง จากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หมวดซีเมนต์ สูงขึ้นร้อยละ 4.5 จากการสูงขึ้นของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม และปูนฉาบสำเร็จรูป เนื่องจากมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างภาครัฐเพิ่มขึ้น หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 0.4 จากการสูงขึ้นของเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก ท่อระบายน้ำคอนกรีต และคอนกรีตผสมเสร็จ ตามการสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ (ปูนซีเมนต์ ทราย) หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 3.5 จากการลดลงของเหล็กเส้นกลมผิวเรียบ เหล็กเส้นกลมผิวข้ออ้อย ท่อเหล็กดำ และชีทไพล์เหล็ก เนื่องจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังไม่ฟื้นตัว
และนโยบายทางภาษีของสหรัฐอเมริกาทำให้ผู้ผลิตเหล็กในหลายประเทศเร่งการส่งออกส่งผลให้มีอุปทานเหล็กส่วนเกินกดดันราคาวัตถุดิบผลิตเหล็ก (บิลเล็ต เศษเหล็ก) ปรับลดลง หมวดกระเบื้อง ลดลงร้อยละ 0.6 จากการลดลงของกระเบื้องคอนกรีตมุงหลังคา กระเบื้องเคลือบปูพื้น และกระเบื้องยาง PVC ปูพื้น และหมวดสุขภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 2.4 จากการลดลงของโถส้วมชักโครก ฝักบัวอาบน้ำ และราวจับสแตนเลส เนื่องจากความต้องการใช้ลดลงตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน หมวดวัสดุฉาบผิว ลดลงร้อยละ 0.8 จากการลดลงของสีน้ำอะครีลิคทาภายใน และสีทาถนนชนิดสะท้อนแสง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ (ปิโตรเคมี) ปรับราคาลดลง หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา สูงขึ้นร้อยละ 2.6 จากการสูงขึ้นของสายส่งกำลังไฟฟ้า NYY สายไฟฟ้า VCT และสายไฟฟ้า VAF ตามการสูงขึ้นของราคาวัตถุดิบ (ทองแดง เม็ดพลาสติก) รวมทั้งมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างด้านสาธารณูปโภคของภาครัฐเพิ่มขึ้น หมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ สูงขึ้นร้อยละ 3.7 จากการสูงขึ้นของยางมะตอย และวัสดุธรรมชาติ (ดิน ทราย) เนื่องจากมีความต้องการใช้ในโครงการก่อสร้างและการซ่อมแซมด้านคมนาคมของภาครัฐเพิ่มขึ้น
นายพูนพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนกรกฎาคม และไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากหลายปัจจัย ดังนี้ (1) การขยายตัวของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ (2) ความกังวลเรื่องคุณภาพเหล็กและการเข้มงวดในการใช้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่ได้มาตรฐานทำให้มีความต้องการเหล็กได้มาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น (3) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคส่งผลให้ราคาน้ำมัน ราคาพลังงาน และราคาโลหะภัณฑ์ (เหล็ก อลูมิเนียม ทองแดง) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้าง มีความผันผวนสูง และมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง จะต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด