‘ธาริษา’ อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ทำจดหมายถึง ‘รมว.คลัง’ เตือนสติเลือกผู้ว่าธปท.คนใหม่
“ธาริษา วัฒนเกส” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ ทำจดหมายเปิดผนึกถึง "รมว.คลัง" เตือนสติเลือกผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ ไม่ใช่เพื่อสนองนโยบายการเมือง ต้องทำหน้าที่อย่างอิสระ ต้องไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือต่อธนาคารกลางเสื่อมถอย
ดร.ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ระบุว่า ขณะนี้ท่านมีรายชื่อแคนดิเดตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ในมือสองคน อยู่ที่ท่านว่าจะเสนอใครต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
เรื่องความเหมาะสมมีการพูดกันมากแล้ว ดิฉันใคร่ขอเตือนสติท่านเพียงประเด็นเดียวว่า คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ว่าการธนาคารกลางคือ การทำนโยบายอย่างเป็นอิสระจากการเมือง หรือที่เราเรียกว่า Central Bank Independence ซึ่งเป็นสิ่งที่จะธำรงไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือในการทำนโยบายของธนาคารกลาง และมีผลพวงถึงความน่าเชื่อถือของประเทศในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศด้วย ไม่ได้หมายความว่าธนาคารกลางและรัฐบาลจะต้องขัดแย้งกัน ทุกฝ่ายจะต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายของการทำนโยบายระยะสั้นยาวไม่เท่ากัน
การทำนโยบายของธนาคารกลางซึ่งมุ่งเน้นผลในระยะยาว จึงเป็นการถ่วงดุลไม่ให้มีแต่นโยบายระยะสั้นจนเป็นผลเสียในระยะยาว การเป็นอิสระจากการเมือง จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง เราเคยเห็นตัวอย่างแล้วจากต่างประเทศ ว่าการขาดความอิสระของธนาคารกลางสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจและระบบการเงินอย่างไร เช่น ในตุรกีในสมัยประธานาธิบดี Erdogan การแทรกแซงทางการเมืองทำให้นโยบายการเงินขาดความเป็นอิสระ อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำเกินไปเป็นเวลานาน เป็นผลให้ค่าครองชีพพุ่งสูง นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง และค่าเงินอ่อนลงอย่างมาก
คนทำงานในธนาคารแห่งประเทศไทยซึมซับถึงหลักการสำคัญข้อนี้ดี ตรงกันข้าม ผู้บริหารธนาคารเฉพาะกิจคุ้นเคยกับการรับนโยบายของรัฐบาลไปทำอยู่แล้ว เพราะเมื่อเกิดความเสียหายรัฐบาลก็ต้องชดเชยให้ (ตามกติกาการกันสำรองหนี้สูญ หรือเพิ่มทุนของการกำกับดูแลของ ธปท.) จึงไม่มีความเสี่ยงกับองค์กรในการรับนโยบายของรัฐบาลมาทำ ซึ่งต่างจากกรณีขององค์กร เช่น ธปท. อย่างมาก เพราะถ้าเกิดความเสียหายคือความเสียหายของประเทศชาติ
ดังนั้น ถ้าท่านเลือกผู้ว่าการที่ประสบการณ์การทำงานเดิมต้องสนองนโยบายของรัฐจนเป็นความเคยชิน จึงยากที่จะคาดหวังให้ทำหน้าที่ของผู้ว่าการอย่างเป็นอิสระ ที่จริงยังไม่ต้องทำนโยบายอะไร เพียงแค่ประวัติและประสบการณ์ที่ก่อให้เกิด Perception ว่าผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่เป็นคนที่ใกล้ชิดกับรัฐบาล และเคยสนองนโยบายของรัฐบาลมาตลอด ในฐานะผู้บริหารของธนาคารของรัฐ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศต่อสถาบันนี้ก็จะเสื่อมถอยไปทันที ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศก็เลือกไปลงทุนในประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่แล้ว
ท่ามกลางความท้าทายที่รุมเร้าจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าศักยภาพ ตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูงอยู่ที่ระดับ 87.5% และยังมีผลกระทบของสงครามการค้า หากไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสูงถึง 36%
"ดิฉันหวังว่าท่านจะไม่ทำให้ความน่าเชื่อถือต่อธนาคารกลางเสื่อมถอยไปอีกสถาบันหนึ่ง ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศชาติหดหายไปมากยิ่งขึ้นอีก"
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'แบงก์ชาติจีน' ซื้อทองคำเพิ่ม 8 เดือนติด ตามเป้ากระจายสินทรัพย์ ในทุนสำรอง
- รอก่อน!! 'รมว.คลัง'ยังไม่ส่งผลคัดเลือก 'ผู้ว่าแบงก์ชาติ'คนใหม่เข้าครม.พรุ่งนี้
- 'รุ่ง-วิทัย' แคนดิเดตชิงเก้าอี้ 'ผู้ว่าแบงก์ชาติ' คนใหม่ จับตา! 'รมว.คลัง' ชี้ขาด
ติดตามเราได้ที่