Grabเตรียมใช้โดรนส่งของในฟิลิปปินส์ นำธุรกิจสู่ยุคAIและยานยนต์ไร้คนขับ
Grab เตรียมทดสอบบริการจัดส่งสินค้าด้วยโดรนในฟิลิปปินส์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนผลักดันการใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในตลาดเกิดใหม่ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามคำเปิดเผยของซีอีโอ แอนโทนี ตัน เมื่อวันพฤหัสบดี
ระหว่างการประชุมรายงานผลประกอบการ ตันระบุว่า Grab ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์และจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลของฟิลิปปินส์ และบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Megaworld ในเครือ Alliance Global Group เพื่อทดสอบการให้บริการจัดส่งเชิงพาณิชย์ด้วยโดรน
เป้าหมายของโครงการคือการขนส่งอาหารและสินค้าจากศูนย์การค้าไปยังจุดรับสินค้าที่กำหนดไว้ ก่อนที่ไรเดอร์จะรับหน้าที่นำส่งถึงปลายทาง โดย Grab เชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยลดระยะเวลาจัดส่งในพื้นที่ที่การจราจรติดขัด และช่วยลดต้นทุนให้กับผู้บริโภค
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยพื้นที่นำร่องหรือกำหนดเวลาชัดเจน ตันย้ำว่า Grab กำลังพิจารณาอย่างจริงจังถึงการขยายโครงการไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคต่อไป
เร่งปูทางสู่อนาคตด้วย AI และยานยนต์ไร้คนขับ
นอกจากโดรนส่งของ Grab ยังเตรียมประกาศความร่วมมือเพิ่มเติมกับผู้พัฒนาเทคโนโลยี AI และยานยนต์ไร้คนขับภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยตั้งเป้าสร้างระบบฟลีตรูปแบบ “ไฮบริด” ที่ผสานการทำงานระหว่างรถไร้คนขับกับพนักงานขับรถมนุษย์
ล่าสุด Grab ได้เริ่มทดสอบรถบัสไฟฟ้าอัตโนมัติขนาด 22 ที่นั่ง ให้บริการรับส่งพนักงานจากสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ไปยังสถานีรถไฟใกล้เคียง บนเส้นทาง 3.9 กิโลเมตร ในช่วงเวลานอกชั่วโมงเร่งด่วน
ก่อนหน้านี้ Grab เคยร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีจากหลายประเทศ ได้แก่ WeRide และ Zelos จากจีน, Motional จากสหรัฐฯ และ Autonomous A2Z จากเกาหลีใต้ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยี AV มาใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แม้ในตลาดพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และจีน ยานยนต์ไร้คนขับจะเริ่มเข้าสู่เชิงพาณิชย์แล้ว แต่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเผชิญข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบ ยกเว้นสิงคโปร์ที่ถือเป็นผู้นำด้านการบูรณาการเทคโนโลยีนี้เข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะ
Grab ระบุว่า ต้นทุนของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ (AV) ยังคงเป็นอุปสรรคหลัก และการทดลองในปัจจุบันมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนให้ใกล้เคียงกับต้นทุนบริการแบบดั้งเดิม ก่อนจะเดินหน้าสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบในอนาคต
ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดเป็นบวก บริการราคาประหยัดกระตุ้นยอด
ในไตรมาสเมษายน-มิถุนายน Grab รายงานผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พลิกกลับจากการขาดทุน 68 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 23% แตะระดับ 819 ล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการบริการเรียกรถและส่งอาหารที่ยังคงแข็งแกร่ง
หนึ่งในปัจจัยสนับสนุนการเติบโตคือบริการจัดส่งแบบ “Saver” ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคจ่ายน้อยลง โดยยอมรอสินค้านานขึ้น ปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของธุรกรรมทั้งหมด ซีอีโอ แอนโทนี ตัน ระบุว่าบริการประเภทนี้มีความสำคัญมากขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลก
นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานที่ทำธุรกรรมประจำต่อเดือน (Monthly Transacting Users) ยังเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 46.2 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย Grab ชี้ว่าการขยายบริการในกลุ่มราคาประหยัดมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มา: Nikkei Asia