เบื้องลึก ดีลภาษีทรัมป์ ไทยโดน 2 อัตรา 19-40% แลกเปิดนำเข้า 0% หมื่นรายการ สั่งซื้อ 2 หมื่นล้านดอลลาร์
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยหลังสหรัฐประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าไทยจาก 36% เหลือ 19% ว่า ถือเป็นระดับที่น่าพอใจ ช่วยให้ไทยยังคงแข่งขันในเวทีโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้ โดยรายละเอียดเงื่อนไข ไทยจะถูกการเก็บภาษี 2 อัตรา สินค้าที่มีส่วนประกอบในการผลิตจากประเทศไทย สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเสียภาษี 19% แต่ถ้าเป็นสินค้าสวมสิทธิ หรือมีส่วนประกอบในการผลิตจากประเทศไทย ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดจะเสียภาษี 40% ซึ่งเป็นเกณฑ์เดียวกับที่สหรัฐใช้กับทุกประเทศ
สำหรับผลบังคับใช้ภาษีสหรัฐครั้งนี้ มีผลตั้งแต่ 7 ส.ค.เป็นต้นไป โดยหากสินค้าที่ส่งออกจากไทยก่อนวันที่ 7 ส.ค. ไปถึงสหรัฐ ยังคงถูกเก็บ 10% อยู่ แต่ถ้าส่งออกหลังวันที่ 7 ส.ค.จะถูกเก็บ 19% และขอย้ำว่าการหารือในครั้งนี้ ไม่ได้มีเรื่องสัมปทานก๊าซธรรมชาติ หรือข้อตกลงด้านความมั่นคง โดยที่ผ่านมาได้หารือสหรัฐ เป็นการหารือเรื่องเศรษฐกิจและการค้าเป็นหลักเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาครั้งนี้ยังไม่จบทั้งหมด มีเรื่องอีกมากที่ไทยต้องเร่งดำเนินการ ทั้งในเชิงเทคนิค
ทั้งนี้ เงื่อนไขที่ไทยเจรจาหารือกับสหรัฐนั้น ไทยได้เสนอลดภาษีสินค้านำเข้าให้กับสหรัฐ ซึ่งรวมกว่าหมื่นรายการ โดยบางสินค้าลดภาษีให้ 0% และบางรายการก็ขอขยายระยะเวลาเพื่อให้ผู้ประกอบการในประเทศปรับตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดสินค้าที่ไทยเคยเปิดเอฟทีเอกับชาติอื่นมาแล้ว รวมถึงสินค้าที่ไทยไม่มี หรือสินค้าที่สหรัฐไม่ได้ส่งออก เช่น ลำไย ปลานิล ส่วนสินค้าไทยมีไม่เพียงพอ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็ยังต้องการนำเข้าเพิ่ม 3 ล้านตัน
นายพิชัย กล่าวว่า จากข้อตกลงนี้ ไทยจะสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก ไม่ต่ำกว่าปัจจุบันที่มีการนำเข้า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการลงทุนของไทยในสหรัฐ จะเน้นในกลุ่มที่ไทยมีความถนัด เช่น เกษตรแปรรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากวัตถุดิบบางส่วนอยู่ในพื้นที่ของสหรัฐ ก็อาจพิจารณาลงทุนเพื่อผลิตและส่งกลับเข้ามาไทย หรือจำหน่ายในตลาดสหรัฐโดยตรง
ทั้งนี้ การสั่งซื้อสินค้าของไทยกับสหรัฐ ในปี 69 ไทยได้เซ็นสัญญาเริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติ 1 ล้านตัน จากทั้งหมด 15 ล้านตัน โดยจะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าไทยถูกลงด้วย เพราะต้นทุนก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐมีราคาที่ถูก และไทยยังอาจพิจารณานำเข้าน้ำมันจากสหรัฐเพิ่มขึ้น 10% จากปกติไทยนำเข้าน้ำมันกว่า 90% จากทั่วโลกอยู่แล้ว โดยไทยมีการใช้น้ำมันดิบราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ การบินไทยมีความต้องการซื้อเครื่องบินใหม่อีก 80-90 ลำ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า
ส่วนประเด็นเนื้อหมู ไทยได้ดูอย่างระมัดระวัง โดยเปิดแบบจำกัด เช่น อาจทดลองนำเข้า 1% ของปริมาณบริโภค เพราะไทยสามารถผลิตได้เอง และอาจต้องตรวจที่มาของหมูถึงโรงงาน แต่ในส่วนของเครื่องในหมูไทยจะไม่เปิดให้ ส่วนถั่วเหลืองอาจเปิดโควตาที่ 1-2 ล้านตัน สินค้าเหล่านี้หากจะนำเข้า ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบสุขอนามัย โรงงานผลิต และมาตรฐานที่เข้มงวด
นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ไทยจะยังไม่มีการลงนามกับสหรัฐอย่างเป็นทางการ เพราะยังมีเรื่องที่ต้องเจรจาในเชิงเทคนิคและรายละเอียด ทั้งเกณฑ์โลคอล คอนเทนต์ หรือสัดส่วนการใช้ส่วนประกอบหรือวัตถุดิบในประเทศเพื่อผลิตสินค้า รวมถึงมาตรการที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องภาษี เช่น มาตรฐานด้านความปลอดภัย มาตรฐานด้านสุขอนามัย ตลอดจนต้องแก้ไขเกณฑ์ ระเบียบ เช่น การนำเข้า โดยมีความเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง เพื่อลดอุปสรรคทางการ หลังจากนั้นต้องมีการเสนอเข้า ครม.ด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลยังได้เตรียมมาตรการดูแลผู้ประกอบการไทย ที่ชะลอการส่งออก และขาดสภาพคล่องนั้น ได้เตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เข้ามาดูแล ส่วนเรื่องการปรับปรุงต้นทุนสินค้า ได้อนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 หมื่นล้านบาท ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ จ้างงาน ผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถ สำหรับผลกระทบ ยอมรับว่าในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ คำสั่งซื้อสินค้าส่งออกอาจสะดุดเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าภาษีจะออกมาเท่าไร แต่เมื่อภาษีชัดแล้วจะเดินหน้าได้ต่อไป ขณะที่การลงทุนมีหลายบริษัทใหญ่ยืนยันที่จะลงทุนในไทยต่อไปเพราะเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศ โดยไตรมาส 2 คาดจีดีพีจะถึง 3% และทั้งปีน่าจะโตเกิน 2.2%