โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กต.แจงไทยดำเนินการ 3 ข้อ กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ภายใต้อนุสัญญาออตตาวา

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว • Tum1

(10 ส.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศ เผยแพร่การดำเนินการ กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล-อนุสัญญาออตตาวา โดยระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 , วันที่ 23 ก.ค.68 และวันที่ 9 ส.ค.68 กองกำลังทหารไทย รวม 11 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่วางใหม่โดยกองกำลังทหารกัมพูชา ในบริเวณช่องบก - ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตามลำดับนั้น

กระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการภายใต้กรอบอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention: APMBC) หรืออนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เพื่อตอบโต้กัมพูชา ดังนี้

1.) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา มีหนังสือถึงประธานการประชุมรัฐภาคีของอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 จำนวน 3 ฉบับ ดังนี้

-หนังสือฉบับแรก (ลงวันที่ 23 ก.ค.68) ไทยร้องเรียนกัมพูชาละเมิดพันธกรณีข้อ 1 ของอนุสัญญาฯ (ห้ามใช้หรือสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล) ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นเส้นทางลาดตระเวนปกติของทหารไทย โดยผลการตรวจสอบโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย พบว่า ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นทุ่นระเบิด ที่ถูกวางใหม่ และเป็นทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งกัมพูชาครอบครอง ฝ่ายไทยขอให้ประธาน อนุสัญญาฯ เวียนหนังสือแจ้งรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

-หนังสือฉบับที่สอง (ลงวันที่ 24 ก.ค.68) ไทยร้องเรียนกัมพูชาละเมิดพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ที่บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 เวลา 20 น. กัมพูชาได้กระทำการอันเป็นการรุกรานอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย โดยได้โจมตีมายังฝั่งไทยอย่างไม่แยกแยะระหว่างพลรบและพลเรือน ซึ่งส่งผลกระทบทางมนุษยธรรมและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้ง กฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และขอให้ประธานอนุสัญญาฯ เวียนหนังสือถึงรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

-หนังสือฉบับที่ 3 (ลงวันที่ 9 ส.ค.68) ไทยร้องเรียนการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา ในพื้นที่บริเวณช่องโดนเอาว์-กฤษณา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเรียบร้อยแล้ว และจากการตรวจสอบหลักฐาน พบว่า เป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ซึ่งถือว่า เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังจากการประชุม Extraordinary General Border Committee (GBC) Meeting ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งในการประชุมฯ ฝ่ายไทยได้เสนอให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้ตกลงกันไว้ แต่กัมพูชาปฏิเสธ และขอให้ประธานอนุสัญญาฯ เวียนหนังสือแจ้งรัฐภาคีอื่นๆ เพื่อทราบต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ ของฝ่ายกัมพูชา

2.) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก มีหนังสือลงวันที่ 24 ก.ค.68 ถึงเลขาธิการสหประชาชาติขอรับความชัดเจน (request for clarification) จากฝ่ายกัมพูชาต่อการกระทำที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกระบวนการการเรียกร้องให้รัฐภาคี ปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตาวา ตามข้อ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาฯ ซึ่งระบุว่า "รัฐภาคีสามารถขอความชัดเจนและขอให้แก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญาฯ ของอีกรัฐสมาชิกหนึ่งผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ" โดยกัมพูชามีพันธกรณีที่จะต้องส่งข้อมูลและคำชี้แจงต่อฝ่ายไทย ผ่านเลขาธิการสหประชาชาติ

3.) เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา และเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ยังได้เข้าพบประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 22 และเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงผู้แทนระดับสูงของรัฐภาคีต่างๆ ของอนุสัญญาฯ ตลอดจนองค์กรภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ดำเนินการต่อการละเมิดพันธกรณีของกัมพูชา และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ของกรอบอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

อนึ่ง อนุสัญญาออตตาวา ห้ามรัฐภาคีใช้ สะสม ผลิต หรือเคลื่อนย้าย ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมทั้งให้ทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลตามที่ระบุในอนุสัญญาฯ โดยปัจจุบัน มีสมาชิก 165 ประเทศ ซึ่งไทยเข้าเป็นภาคีในปี 2542 (เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) และได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังอาวุธหมดสิ้นเมื่อปี 2546 และทำลายทุ่นระเบิดส่วนที่เก็บไว้เพื่อการวิจัยและอบรมหมดสิ้นในปี 2562 ขณะที่กัมพูชาเข้าเป็นภาคี ในปี 2543 และยังคงมีทุ่นระเบิดที่เก็บไว้สำหรับการวิจัยและอบรม รวมถึงทุ่นระเบิดประเภท PMN-2

- ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน -

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

กองทัพภาคที่ 2 แจงสถานการณ์ชายแดน อยู่ในภาวะปกติ ไม่มีการปะทะ

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฉาวอีก! ตร.เจอรถต้องสงสัย เปิดประตูตรวจค้นพบพระสงฆ์อยู่กับสีกาสองต่อสอง

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ทวี - ธีรรัตน์"มอบบ้านน็อคดาวน์ 5 หลัง ให้ ปชช.ผู้ประสบภัยถูกจรวด BM-21 ยิงใส่บ้านพังทั้งหลัง

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พล.อ.ณัฐพล เสียใจทหารไทยเหยียบกับระเบิด ประณามกัมพูชา

7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

รถตู้ชนประสานงากับรถนั่งส่วนบุคคล บนถนนเส้นทางบ้านดุง - สุมเส้า มีผู้บาดเจ็บสิบกว่าราย จ.อุดรธานี

สวพ.FM91

รถกระบะชนกับรถบรรทุกกลางถนน มีผู้เสียชีวิตในซากรถ จ.ขอนแก่น

สวพ.FM91

‘หนุ่มไนจีเรีย’ ลอบเผ่นเข้าไทยอ้างอยู่ ‘เขมร’ ไม่ไหว จ่ายนายหน้า 400 เหรียญ ถูกหิ้วปล่อยไร่อ้อย

เดลินิวส์
วิดีโอ

ทหารแนวหน้า อัดคลิปสุดพิเศษ ถึงคนข้างหลัง ไม่ต้องห่วงอะไร ทุกคนคือนักสู้ จะกลับไปด้วยความภาคภูมิใจ

BRIGHTTV.CO.TH

ชัวร์ก่อนแชร์: Epstein Files คือแผนลวงโลกของเดโมแครต จริงหรือ?

สำนักข่าวไทย Online

ชัวร์ก่อนแชร์: Epstein Files คือแผนลวงโลกของเดโมแครต จริงหรือ?

ชัวร์ก่อนแชร์

กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ เข้าประจำการในวอชิงตัน ดี.ซี.ปราบปรามอาชญากรรม

JS100

2 ปี ‘คดีชั้น 14’ กว่าความจริงจะปรากฏ!!

ไทยพับลิก้า

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...