หอการค้าอุบลฯ มองสัมพันธ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ติดลบ สถานการณ์ยังต้องเฝ้าระวัง
นายมงคล จุลทัศน์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ของไทย-กัมพูชา หลังจากรัฐบาลร่วมประชุมเจรจาหยุดยิงหรือหยุดปะทะ ในตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอน ต้องประเมินติดตามเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของกัมพูชาจะเป็นอย่างไร
เพราะตอนนี้ข้อมูลหลายอย่างระหว่างไทยและกัมพูชามีความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะข้อเท็จจริงซึ่งถือว่ามีความซับซ้อนอยู่พอสมควร
สำหรับพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ความสัมพันธ์ระดับชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าบริเวณพื้นที่ค้าชายแดนถือว่ามีน้อย เมื่อเกิดจากเหตุการณ์ถูกจำกัดและปิดด่าน 100% ผนวกกับกระแสชาตินิยมจึงส่งต่อความสัมพันธ์เป็นอย่างมาก อาจเรียกได้ว่าความไว้วางใจกันหายไปและกลายเป็นปรปักษ์กันโดยสิ้นเชิง ซึ่งอย่างน้อยต้องใช้เวลา 10-15 ปี จึงจะฟื้นความสัมพันธ์ได้
“แต่เดิมพื้นชที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต จ.อุบลราชธานี เป็นเขตอุทยาน ชาวบ้านก็ไม่ค่อยไปมาหาสู่กัน การค้าขายหรือมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกันก็มีน้อยมาก พอมาตอนนี้ต่างฝ่ายต่างไม่มีความเป็นมิตรกันแล้ว ยิ่งมีโดรนสอดแนมกระจายไปทั่วชาวบ้านยิ่งวิตกกังวลไม่วางใจขึ้นไปอีก ฉะนั้นหากมองในภาพรวมของพื้นที่อีสานใต้การฟื้นความสัมพันธ์อาจต้องใช้เวลานานพอสมควร”
นายมงคล กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นภัยสงคราม ไม่อาจจบลงและสงบได้อย่างแท้จริงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หลายคนยังกังวลว่าผลกระทบระยะยาวจะตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัว และไม่ใช่เกิดขึ้นในเขตชายแดน จ.หวัดอุบลราชธานีเท่านั้น แต่ลุกลามสู่ทั้งระบบในพื้นที่จังหวัดและระดับภูมิภาค
การจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันของประชาชนเริ่มชะลอตัว ลูกค้าธนาคารก็กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน ขอขอพักชำระหนี้ไปก่อนเพราะต้องเตรียมเงินสดไว้สำหรับใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า ซึ่งการดำเนินชีวิตอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว