"ปปช." แจงปมร้อนผลการประเมิน ITA "สตง." ประจำปีงบ 68
จากกรณีที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการเผยแพร่ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน ของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 และกรณีที่สื่อมวลชนและสาธารณชนได้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับผลคะแนนการประเมิน ITA ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นั้น สำนักงาน ป.ป.ช. ขอชี้แจง ดังนี้
เจตนารมณ์ของการประเมิน ITA
การประเมิน ITA เป็นการประเมินที่มีวัตถุประสงค์ ในการขับเคลื่อนกลไกและมาตรการการป้องกันการทุจริตให้กับหน่วยงานภาครัฐ โดยผลการประเมินจะสะท้อนให้เห็นถึงประเด็นสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐ จะต้องนำไปปรับปรุงและพัฒนาการปฏิบัติราชการ เพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบราชการซึ่งเป็นการลดหรือควบคุมโอกาสที่จะเกิดการทุจริตภายในองค์กร ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการดำเนินการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการกำกับติดตามการประเมินตามมติคณะรัฐมนตรี ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน กพร.) สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งทุกภาคส่วนได้มีการบูรณาการการขับเคลื่อนร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ มีการบริหารงานและการปฏิบัติราชการที่มีคุณธรรม โปร่งใส ปราศจากการทุจริตและประพฤติ มิชอบ
เครื่องมือการประเมิน ITA
ในการประเมิน ITA ประกอบด้วยเครื่องมือการประเมิน จำนวน 3 เครื่องมือ ดังนี้
(1) แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน หรือแบบวัด IIT เป็นการสะท้อนมุมมองและประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐภายในองค์กรนั้น ๆ คิดเป็นสัดส่วนคะแนน 30 คะแนน ประกอบด้วยตัวชี้วัดการประเมิน 5 ตัวชี้วัด ครอบคลุมทุกมิติการประเมินที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภาครัฐ ได้แก่ ตัวชี้วัดการปฏิบัติหน้าที่ ตัวชี้วัดการใช้งบประมาณ ตัวใช้วัดการใช้อำนาจ ตัวชี้วัดการใช้ทรัพย์สินของราชการ และตัวชี้วัดการแก้ไขปัญหาการทุจริต โดยได้กำหนดจำนวนค่าขั้นต่ำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่ปฏิบัติงานมาไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมจำนวน 445,136 คน
(2) แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก หรือแบบวัด EIT เป็นการสะท้อนมุมมองและประสบการณ์ของประชาชนผู้มาติดต่อหรือรับบริการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของหน่วยงาน แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แบบวัด EIT ส่วนที่ 1 เป็นส่วนที่หน่วยงานภาครัฐนั้น ๆ ดำเนินการเก็บข้อมูลเอง และแบบวัด EIT ส่วนที่ 2 เป็นการเก็บข้อมูลโดยสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งทั้ง 2 ส่วน คิดเป็นสัดส่วนคะแนนส่วนละ 15 คะแนน รวม 30 คะแนน ประกอบด้วยตัวชี้วัดการประเมิน 3 ตัวชี้วัด ครอบคลุมในมิติของการให้บริการสาธารณะของหน่วยงาน ได้แก่ ตัวชี้วัดการปรับปรุงระบบการทำงาน ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการสื่อสาร และตัวชี้วัดการปรับปรุงระบบการทำงาน โดยสำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดจำนวนผู้ตอบขั้นต่ำอยู่ระหว่าง 30 - 400 ตัวอย่าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทและภารกิจการให้บริการของหน่วยงาน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วม จำนวน 906,974 คน
สำหรับความเป็นอิสระและมาตรฐานการประเมิน ในการตอบแบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (แบบวัด IIT) และ แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (EIT) ได้กำหนดวิธีการในเข้าตอบ ด้วยวิธีการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ และรับรหัส OTP เพื่อเข้าตอบแบบวัด IIT และ EIT ทั้งนี้ ผู้เข้าตอบแบบวัด สามารถเข้าตอบได้โดยอิสระ สามารถแก้ไขคำตอบได้ตลอดระยะเวลาการประเมิน และมีระบบการปกปิดผู้ให้ข้อมูล
ในการตอบแบบวัด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคำตอบจะได้รับการคุ้มครองและไม่เกิดผลเสียแก่ผู้ให้ข้อมูลในภายหลัง
(3) แบบวัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ หรือแบบวัด OIT เป็นการประเมินจากการเปิดเผยเอกสารหลักฐานและข้อมูลสาธารณะบนหน้าเว็บไซต์ของหน่วยงาน คิดเป็นสัดส่วนคะแนน 40 คะแนน ประกอบด้วยตัวชี้วัดการเปิดเผยข้อมูล และตัวชี้วัดการป้องกันการทุจริต ซึ่งให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลที่ประชาชนควรรู้และเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบโดยภาคประชาชน เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแผนการปฏิบัติราชการ งบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง การอนุมัติอนุญาต ระบบการให้บริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Service) การประเมินความเสี่ยงเพื่อป้องกันการให้หรือรับสินบน ระบบงานเพื่อป้องกันการทุจริต และมาตรการเพื่อส่งเสริมคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงาน ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐที่เข้ารับการประเมิน ได้มีพัฒนาการในการเปิดเผยข้อมูลที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการปรับปรุงรูปแบบ วิธีการ ระบบการให้บริการ และคุณภาพของข้อมูล จนมีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการที่หน่วยงานภาครัฐ ได้พัฒนาระบบการให้บริการให้เกิดประสิทธิภาพและลดการทุจริตที่เกิดขึ้นจากการให้บริการ
ทั้งนี้ เครื่องมือทั้ง 3 เครื่องมือ จะประมวลผลคะแนนรวมกัน เป็นคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์การประเมินที่กำหนดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฯ จะต้องมีคะแนนไม่น้อยกว่า 85 คะแนน ซึ่งหน่วยงานที่ได้คะแนน 85 คะแนนขึ้นไป จะมีเกณฑ์วัดเชิงคุณภาพ (Rating Score) อยู่ที่ 3 ระดับ เรียงลำดับจากระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงสุด ได้แก่ ระดับผ่าน ระดับผ่านดี และระดับผ่านดีเยี่ยม
ทั้งนี้ ในการออกแบบเครื่องมือและข้อคำถามการประเมิน ITA ได้ถูกออกแบบตามหลักวิชาการตามหลักการวิจัยและประเมินผล ผ่านกระบวนการทดสอบความเที่ยงตรง (Validity) และความเชื่อมั่น (Reliability) เพื่อให้มั่นใจว่าผลการประเมิน ITA จะสามารถสะท้อนการรับรู้และประสบการณ์ตรงของผู้ตอบแบบประเมินได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ และที่สำคัญคือมีกลไกคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ซึ่งประกอบด้วยหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับติดตามการประเมินตามมติคณะรัฐมนตรี นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญร่วมเป็นองค์คณะ ในการกำกับดูแลมาตรฐานทางวิชาการ และกลั่นกรองการดำเนินการประเมิน ITA ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเป็นเครื่องมือในการป้องกันการทุจริตและส่งเสริมความโปร่งใสให้กับหน่วยงานภาครัฐให้บรรลุเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฯ
ภาพรวมผลคะแนนการประเมิน ITA สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
คะแนนในภาพรวม
ผลคะแนนการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในภาพรวม มีคะแนนสูงขึ้นจากเดิมในปี 2567 จากเดิม 92.43 คะแนน เป็น 94.64 คะแนน เนื่องจากมีการดำเนินการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะตามแบบวัด OIT ตามหลักเกณฑ์ในระดับที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ตาม ระดับผลการประเมินในเชิงคุณภาพ (Rating Score) ได้ถูกปรับลดลง 1 ระดับจากระดับผ่านดี ลดลงเหลือ ระดับผ่าน เท่านั้น เนื่องจากมีระดับผลการประเมินในส่วนของประชาชน
และผู้ที่มาติดต่อหรือรับบริการ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. เป็นผู้สำรวจข้อมูล (แบบวัด EIT ส่วนที่ 2) ที่ต่ำกว่าเกณฑ์ 85 คะแนนตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ป.ป.ช. กำหนด ทั้งนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินยังคงต้องพัฒนา และปรับปรุงในส่วนนี้ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
คะแนนรายเครื่องมือ
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (แบบวัด IIT) มีคะแนนในภาพรวมที่ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา โดยประเด็นตัวชี้วัดที่เจ้าหน้าที่และผู้บริหารของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สะท้อนจากทัศนคติและการรับรู้จากประสบการณ์ตรง พบว่า ตัวชี้วัดที่ 1 ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่และประเด็นสินบน ตัวชี้วัดที่ 2 ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้าง ตัวชี้วัดที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับ
การใช้อำนาจของผู้บังคับบัญชาและสินบนที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคล และ ตัวชี้วัดที่ 5 ที่เกี่ยวข้องการแก้ไขปัญหาการทุจริตของหน่วยงาน มีคะแนนลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนตัวชี้วัดที่ 3 การใช้อำนาจ มีระดับผลการประเมินดีขึ้นอยู่ในระดับใกล้เคียงจากปีการประเมินที่ผ่านมา
แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก (แบบวัด EIT) โดยประชาชนและผู้ที่มาติดต่อหรือรับบริการ มีคะแนนลดลงในภาพรวมทุกตัวชี้วัด จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดที่ 6 ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพการดำเนินงาน ตัวชี้วัดที่ 7 ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการสื่อสาร และตัวชี้วัดที่ 8 ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงระบบการทำงาน
แบบวัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (แบบวัด OIT) ตามตัวชี้วัดที่ 9 การเปิดเผยข้อมูล และตัวชี้วัดที่ 10 การป้องกันการทุจริต เป็นส่วนที่สามารถดำเนินการได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา จึงทำให้คะแนนสูงขึ้นจากเดิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีการปรับปรุงข้อมูลบนหน้าเว็บไซต์ให้เป็นปัจจุบัน และการเปิดเผยข้อมูลเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลสาธารณะที่มีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมินที่กำหนดมากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เนื่องจากช่องทางแจ้งเรื่องร้องเรียนการทุจริตและประพฤติมิชอบ ยังไม่สามารถดำเนินการได้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การประเมิน โดยได้ 50 คะแนนจาก 100 คะแนน
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จากการประกาศผลคะแนนการประเมิน ITA ทางสำนักงาน ป.ป.ช. ไม่ได้มีการมอบรางวัล ITA Awards ให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แต่อย่างใด เนื่องจากการมอบรางวัลของหน่วยงานประเภทองค์กรอิสระ จะเป็นการพิจารณาคะแนนร่วมกับกลุ่มขององค์กรอัยการ สำนักงานศาล และหน่วยงานสังกัดรัฐสภา ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ITA Awards ประเภทผลการประเมินสูงที่สุด ได้แก่ สถาบันพระปกเกล้า และหน่วยงานที่ได้รางวัลพัฒนาการสูงที่สุด ได้แก่ สำนักงานศาลยุติธรรม
ประโยชน์ของการประเมิน ITA
จะเห็นได้ว่าการประเมิน ITA มีการวัดในหลายมิติ ทั้งในมุมมองการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่าง ๆ การเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ ซึ่งรวมไปถึงการอำนวยความสะดวกในการให้บริการที่ส่งเสริมให้มีการให้บริการในรูปแบบ E-Service เพื่อหลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติ หรือการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นต้น อันจะช่วยให้หน่วยงานที่เข้าร่วมการประเมินทั้ง 8,317 หน่วยงาน มีการปฏิบัติราชการที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนสามารถพึ่งพาระบบราชการได้มากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ การประเมิน ITA จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐในการปรับปรุงและพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสะท้อนประเด็นปัญหาและความต้องการ ดังนั้นผลคะแนนการประเมิน ITA จึงถือเป็นข้อมูลสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐ จะใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงและพัฒนาองค์กร ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐจำนวนมาก ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและวิธีการการปฏิบัติราชการและการให้บริการประชาชนให้ดียิ่งขึ้น มีการบริหารจัดการข้อมูลภาครัฐได้อย่างเป็นระบบสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการตรวจสอบและส่งเสริมเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน และเมื่อหน่วยงานภาครัฐมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานอีกด้วย
สำนักงาน ป.ป.ช. ขอเรียนให้ทราบว่า ตลอดระยะเวลาในการขับเคลื่อนการประเมิน ITA ได้มีกระบวนการทบทวน ปรับปรุงและพัฒนาการประเมิน ITA เป็นประจำทุกปี โดยใช้ข้อมูลเชิงวิชาการ และข้อมูลที่ได้จากกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน โดยมุ่งหวังให้การประเมิน ITA เป็นเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ มีกระบวนการและกลไกภายในหน่วยงานที่จะสร้างความโปร่งใส เพื่อสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ และลดโอกาสที่จะเกิดการทุจริตให้น้อยลงไปได้ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้กำหนดแผนงานในการปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพของเครื่องมือการประเมิน ITA สำหรับการประเมินในระยะถัดไป ตามช่วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติฯ (พ.ศ. 2571 - 2575) เพื่อให้การประเมิน ITA สามารถเป็นเครื่องมือที่สามารถพัฒนาหน่วยงานภาครัฐให้มีความโปร่งใส เป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดปัญหาการทุจริตของประเทศ และส่งเสริมการยกระดับดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศให้ดียิ่งขึ้น
จึงชี้แจงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน