ทนายเดชา ยกกรณีมวกเหล็กเป็นบทเรียน ชงเรื่องถึงผู้ว่าฯ สระบุรี ฝากพี่อ้วน ภูมิธรรม ทบทวน พ.ร.บ. ปกครองท้องที่ที่มีบทลงโทษล้าสมัย
สนามเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านมวกเหล็กปะทุเดือดไม่จบแค่เลือกใหม่ ล่าสุด ทนายเดชา นำผู้สมัครบุกยื่นหนังสือถึงอำเภอ-ศาลากลาง จี้สอบสวนเอาผิดผู้ชนะที่ชิงลาออก ชี้ความผิดสำเร็จแล้ว ต้องไม่ปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล กลายเป็นกรณีศึกษาท้าทายกระบวนการยุติธรรมฝ่ายปกครอง พร้อมสะท้อนปัญหาใหญ่ จี้ ภูมิธรรม และกระทรวงมหาดไทย เร่งสะสาง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ กฎหมายเก่าร้อยปีที่เปิดช่องโหว่ให้การทุจริตเลือกตั้งท้องถิ่นไร้บทลงโทษที่เฉียบขาด
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์การเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ในต.มิตรภาพ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งจะมีกำหนดจัดเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ได้ทวีความเข้มข้นและขยายวงกว้างไปสู่ประเด็นปัญหาเชิงโครงสร้างทางกฎหมาย เมื่อ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้นำนายโรจนวริทธิ์ ปุญญอมรศรี เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ที่ว่าการอำเภอมวกเหล็ก ไปจนถึงศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัดสระบุรี
จุดชนวนของเรื่องนี้ เกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งครั้งก่อน เมื่อผู้สมัครรายหนึ่ง ซึ่งได้รับ ถูกร้องเรียนว่ากระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างชัดเจน โดยมีพยานหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอขณะแสดงสัญลักษณ์ เพื่อหาเสียงภายในหน่วยเลือกตั้งในวันเลือกตั้ง จนนำไปสู่คำสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่เรื่องกลับเกิดความซับซ้อนขึ้น เมื่อผู้ถูกร้องได้ตัดสินใจ ชิงลาออก จากตำแหน่ง ทำให้กระบวนการสอบสวนทางวินัยของทางอำเภอต้องหยุดชะงักลง
ทนายเดชา ได้ให้ทัศนะทางกฎหมายอย่างเผ็ดร้อนว่า การยุติการสอบสวนด้วยเหตุผลว่าผู้ถูกร้องลาออกไปแล้วนั้น เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและอาจสร้างบรรทัดฐานที่ผิดพลาด แม้ผู้ถูกร้องจะลาออกไป แต่ความผิดได้เกิดขึ้นและสำเร็จไปแล้ว การลาออกไม่ควรเป็นเหตุให้การตรวจสอบสิ้นสุดลง ทนายเดชากล่าว พร้อมย้ำว่าหากปล่อยให้เรื่องเงียบไป จะทำให้ฝ่ายผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรม และที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นการเปิดช่องให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เป้าหมายของเราวันนี้ คือเรียกร้องให้นายอำเภอดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด เพื่อให้มีคำสั่งชี้ขาดว่าบุคคลดังกล่าว ขาดคุณสมบัติ ซึ่งจะทำให้เขาไม่สามารถกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกในอนาคต เราได้นำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีลักษณะเดียวกันทางภาคใต้มามอบให้เป็นกรณีศึกษาด้วย เพื่อยืนยันว่าการลาออกไม่ใช่จุดสิ้นสุดของกระบวนการตรวจสอบ
ยิ่งไปกว่านั้น ทนายเดชาได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ใหญ่กว่าตัวบุคคล นั่นคือช่องโหว่ของ พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่ใช้กำกับการเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่น
กฎหมายฉบับนี้เก่าและล้าสมัยมาก ไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจนรุนแรงสำหรับการทุจริตเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสียงหรือการหาเสียงในวันเลือกตั้ง ซึ่งแตกต่างจากกฎหมาย กกต. ที่ใช้กับเวทีระดับชาติอย่างสิ้นเชิง ทนายเดชากล่าว พร้อมฝากข้อความโดยตรงไปยัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้พิจารณาแก้ไขกฎหมายฉบับนี้อย่างเร่งด่วน "บริบทสังคมเปลี่ยนไปแล้ว หมู่บ้านในปัจจุบันมีทั้งงบประมาณและผลประโยชน์มหาศาล จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์และมีบทลงโทษที่เฉียบขาด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ด้าน นายยุทธนา โพธิวิหค ปลัดจังหวัดสระบุรี ซึ่งเป็นตัวแทนฝ่ายปกครองในการรับเรื่อง ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในชั้นนี้ยังไม่สามารถให้ความเห็นในรายละเอียดของผลการสอบสวนได้ ต้องดำเนินการเป็นรายกรณีไป (Case-by-case) โดยยึดตามพยานหลักฐาน และยืนยันหลักการที่ว่าบุคคลย่อมเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำตัดสินถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ได้ให้ความมั่นใจว่าจะกำชับให้ทางอำเภอดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่ตามระเบียบแบบแผนของทางราชการทุกประการ และจะไม่ยุติเรื่องอย่างแน่นอน
กรณีพิพาทที่ อ.มวกเหล็ก ครั้งนี้ จึงได้กลายสภาพจากความขัดแย้งของผู้สมัครในพื้นที่ สู่การเดิมพันครั้งสำคัญที่ท้าทายมาตรฐานกระบวนการยุติธรรมของฝ่ายปกครอง และเป็น กรณีศึกษา ที่สังคมต้องจับตา ว่าเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปกฎหมายที่ล้าสมัย จะดังก้องไปถึงกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ เพื่อคืนความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาให้กับการเลือกตั้งในระดับฐานรากทั่วประเทศ
ภาพเหตุการณ์
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน