เผย "5 สาเหตุ" ที่ศาลยกฟ้อง "ทักษิณ" คดี ม.112 ถอดความหมายจากคำพิพากษา เข้าใจทันที
ถอดความหมาย คำพิพากษาฉบับเต็ม คดี ทักษิณถูกฟ้อง ม.112 ศาลยกฟ้อง เพราะสาเหตุใด อ่านแล้วเข้าใจทันที
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีที่ถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (หมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 จากกรณีที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์ที่เกาหลีใต้ในปี 2558 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง ศาลยกฟ้องด้วยเหตุผลที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย ดังต่อไปนี้
เหตุผลที่ศาลยกฟ้อง: ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
1. ขาดหลักฐานชัดเจนว่าพาดพิงสถาบันเบื้องสูง
ศาลพิจารณาว่าข้อความที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์ในคลิปวิดีโอนั้น ไม่มีการระบุเจาะจงถึงบุคคลใดในสถาบันเบื้องสูงหรือใช้ถ้อยคำที่ชี้ชัด คำที่ใช้ เช่น “เขา”, “องคมนตรี”, “ทหาร”, “Palace Circle” หรือ “คนในวัง” เป็นการกล่าวถึงบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอย่างกว้างๆ ไม่ได้เจาะจงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ศาลจึงเห็นว่าไม่สามารถตีความได้ว่าข้อความดังกล่าวมีเจตนาหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
2. พยานโจทก์มีอคติและขาดความน่าเชื่อถือ
ศาลพบว่าพยานของโจทก์ ซึ่งรวมถึงเจ้าพนักงานตำรวจและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาเพียงคนเดียว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองที่ต่อต้านนายทักษิณ ส่อให้เห็นถึงอคติทางการเมือง ทำให้ความเป็นกลางของพยานเหล่านี้มีข้อสงสัย ศาลจึงรับฟังคำเบิกความด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ พยานบางปากยอมรับว่าหลักฐานคลิปวิดีโอไม่ใช่ต้นฉบับและไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของการเผยแพร่ได้ ทำให้หลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักไม่เพียงพอ
3. การตีความของวิญญูชนทั่วไป
ศาลพิจารณาว่าผู้ที่รับชมหรือรับฟังคลิปสัมภาษณ์ส่วนใหญ่เข้าใจว่านายทักษิณตั้งใจวิพากษ์วิจารณ์การยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึงบุคคลเช่น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงองคมนตรี ไม่ใช่การพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง ดังนั้น ข้อความดังกล่าวจึงไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 ที่ต้องพิสูจน์ว่ามีเจตนาทำให้สถาบันเบื้องสูงเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
4. ข้อหาความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ในส่วนของข้อหานำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ศาลเห็นว่าเมื่อข้อกล่าวหาหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูงไม่เป็นความผิด ข้อหานี้จึงไม่สมบูรณ์ และนายทักษิณไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ด้วย
5. ขาดพยานหลักฐานในข้อหาแสดงความอาฆาตมาดร้าย
โจทก์กล่าวหาว่านายทักษิณแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันเบื้องสูง แต่ไม่มีการนำพยานหลักฐานใดๆ มาสนับสนุนข้อหานี้ ศาลจึงรับฟังไม่ได้ว่านายทักษิณกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าว
บริบทของคดีและการตัดสิน
คดีนี้เริ่มจากเหตุการณ์ในปี 2558 เมื่อนายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ซึ่งต่อมาถูกนำมาเผยแพร่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊กและยูทูบ โดยโจทก์อ้างว่าคลิปดังกล่าวมีเนื้อหาหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง อย่างไรก็ตาม ศาลพบว่าคลิปวิดีโอที่นำมาเป็นหลักฐาน ไม่ใช่ฉบับเต็ม และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นต้นฉบับ รวมถึงไม่มีการตัดต่อเพื่อใส่ร้ายนายทักษิณตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ถึงกระนั้น ศาลเห็นว่าหลักฐานของโจทก์ไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิด
ปฏิกิริยาหลังคำตัดสิน
หลังศาลพิพากษายกฟ้อง นายทักษิณเดินทางออกจากศาลอาญา พร้อมแสดงความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และกล่าวสั้นๆ กับสื่อว่า “ยกฟ้อง” กลุ่มผู้สนับสนุนที่มารอให้กำลังใจมอบพวงมาลัยเพื่อแสดงความยินดี ก่อนที่นายทักษิณจะเดินทางกลับด้วยรถยนต์ส่วนตัว
ความเห็นจากทนายความ
นายวิญญัติ ชินวัตร ทนายความของนายทักษิณ ระบุว่าคำพิพากษาของศาลมีความชัดเจนทั้งในแง่ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง การจะอุทธรณ์คดีนี้ขึ้นอยู่กับอัยการโจทก์ว่าจะหาประเด็นข้อกฎหมายใดมาสู้คดีต่อ แต่ศาลได้วินิจฉัยครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทำให้โอกาสอุทธรณ์ในประเด็นข้อเท็จจริงอาจเป็นเรื่องยาก
สรุป
ศาลอาญายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ในคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจาก ขาดหลักฐานชัดเจนว่าเจตนาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง พยานโจทก์มีอคติและขาดความน่าเชื่อถือ และข้อความในคลิปสัมภาษณ์ไม่เข้าข่ายความผิดตามที่ถูกกล่าวหา คำพิพากษานี้แสดงให้เห็นถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย