ทรัมป์ จ่อคง ‘ภาษีนำเข้า’ รถญี่ปุ่น 25% หลังเจรจาไม่คืบหน้า
“โดนัลด์ ทรัมป์” เผยไอเดีย คงอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่นที่ 25% หลังจากการเจรจาการค้าของผู้นำทั้งสองประเทศไม่คืบหน้า ท่ามกลาง “เส้นตาย” ภาษีศุลกากรของ ทรัมป์ จบลงในวันที่ 9 ก.ค. ที่จะถึงนี้
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับ Fox News ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า “ไม่มีรถยนต์สหรัฐในญี่ปุ่นเลย ญี่ปุ่นไม่เอารถเรา ใช่ไหม ? แต่เรามีรถญี่ปุ่นในประเทศหลายล้านคัน มันไม่แพร์”
“ตอนนี้สหรัฐมีน้ำมัน ญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันจากเราได้ และจริงๆ ก็นำเข้าสินค้าอีกหลายอย่างได้” ทรัมป์กล่าวในเชิงแนะนำวิธีที่ญี่ปุ่นจะลดการขาดดุลกับสหรัฐ
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ความคิดของทรัมป์แสดงให้เห็นว่า ทั้งสหรัฐและญี่ปุ่นยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้และแสดงให้เห็นความเสี่ยงที่ทรัมป์อาจคงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์จากญี่ปุ่นที่ 25%
บทสัมภาษณ์ของทรัมป์เผยแพร่ออกมาไม่นานหลังจากการเจรจาการค้าครั้งล่า (ครั้งที่สาม) สุดระหว่างนายอากาซาวะ เรียวเซ รัฐมนตรีกระทรวงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกับนายฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยในการพูดคุยครั้งแรกเป็นการคุยแบบตัวต่อตัวที่วอชิงตัน ดีซี แต่การคุยสองครั้งหลังเกิดขึ้นทางโทรศัพท์
หลังจาก Fox News เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งถ่ายทำในวันศุกร์แต่เผยแพร่ในวันเสาร์ตามเวลาในวอชิงตัน ดีซี ซึ่งห่างจากไทย 11 ชั่วโมง เรียวเซทวีตข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเองเพื่อเน้นย้ำว่าการเจรจาของทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินต่อไป
เรียวเซ ทวีตว่า “การเจรจาระหว่าง สหรัฐ-ญี่ปุ่น อยู่ในช่วงสำคัญและทั้งสองจะยึดมั่นในหลักการความจริงใจและมุ่งมั่นใจการบรรลุข้อตกลง” โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะกลับมาเจรจากันอีกครั้งภายในสัปดาห์นี้ (30 มิ.ย. – 4 ก.ค.)
หุ้นในกลุ่มยานยนต์ในตลาดหุ้น Topix ของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงประมาณ 0.4% ในช่วงบ่ายวันนี้ สวนทางกลับภาพรวมดัชนีฯ ที่ขยับขึ้น 0.8%
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เสริมว่า สินค้าในกลุ่มยานยนต์เป็นหัวใจหลักของการเจรจาทางการค้าของทั้งสองประเทศตั้งแต่ทรัมป์เข้ามาในตำแหน่งเนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐมากที่สุด ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการปกป้องอุตสาหกรรมดังกล่าวเพราะเป็น “กระดูกสันหลัง” ของเศรษฐกิจ
ในปี 2024 ญี่ปุ่นดุลการค้ากับสหรัฐ 5.93 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่ง 82% ของการได้ดุลการค้าดังกล่าวมาจากสินค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ และข้อมูลจากทางการสหรัฐ เผยว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมากที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของโลก
เรียวเซ ออกมาให้สัมภาษณ์ซ้ำๆ ว่า ภาษีศุลกากรสหรัฐ ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นนั้น “ไม่สามารถรับได้” โดยอ้างว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ของญี่ปุ่นสร้างเม็ดเงินลงทุนให้สหรัฐกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์และสร้างงานอีก 2.3 ล้านตำแหน่ง
ญี่ปุ่นยืนยันจุดยืนในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ โดยเรียกร้องให้รวม “ภาษีสำหรับรถยนต์” เข้าไปเจรจาพร้อมกับสินค้าอื่นๆ แทนที่จะเจรจาแยกรายอุตสาหกรรม ทั้งนี้ แม้ว่าภาษีดังกล่าวจะมีกำหนดเพิ่มขึ้นในวันที่ 9 ก.ค.นี้ แต่ตัวแทนเจรจาจากญี่ปุ่น ย้ำว่าจะไม่ยึดติดกับกรอบเวลาดังกล่าว เนื่องจากมีเป้าหมายในการแก้ไขข้อพิพาทการค้าทั้งหมดผ่านแพ็กเกจเจรจาที่ครอบคลุมภาษีทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่สมบูรณ์และยั่งยืน
แถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวว่า ทั้งสองประเทศได้หารือ "อย่างสร้างสรรค์" และตกลงที่จะแสวงหาข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสหรัฐและญี่ปุ่นต่อไป แถลงการณ์ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นที่มีการอภิปรายหรือความคืบหน้าที่เกิดขึ้น
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ปัจจุบันสหรัฐขึ้นภาษีศุลกากรต่อรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ต่อญี่ปุ่นแล้วในอัตรา 25% และ 50% ต่อเหล็กกับอลูมิเนียม มากไปกว่านั้นภาษีศุลกากรต่อสินค้าทั่วไปขั้นต้นที่ 10% จะขยับเพิ่มเป็น 24% ถ้าทั้งสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งทั้งหมดจะส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่การถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) ในไตรมาสแรก
ถ้อยแถลงของทรัมป์ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าญี่ปุ่นมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงหรือจะได้รับการผ่อนผันภาษีตอบโต้แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์ชี้แจงให้เห็นว่าสหรัฐสามารถกำหนดเงื่อนไขการค้ากับญี่ปุ่นได้อย่างเบ็ดเสร็จโดยไม่ต้องเจรจา
"ผมจะส่งจดหมายแจ้ง" ทรัมป์กล่าวในการให้สัมภาษณ์ โดยหมายถึงแผนการแจ้งให้คู่ค้าบางประเทศทราบว่าสหรัฐจะกำหนดอัตราภาษีโดยไม่ต้องเจรจา "ผมก็ส่งไปให้ญี่ปุ่นได้ 'เรียน ท่านผู้นำญี่ปุ่น เรื่องมีอยู่ว่า ท่านจะต้องเสียภาษี 25% สำหรับรถยนต์ที่ส่งออกมา"
อ้างอิง: Bloomberg