รัฐบาลจีนจะไม่ทน! เริ่มออกมาตรการเบรก ‘สงครามราคาอีวี’ หวั่นซ้ำรอยกรณี ‘Evergrande’
สงครามราคารถอีวีในจีนเป็นเรื่องที่ร้อนแรงมากในตอนนี้ BYD ซึ่งเป็นผู้นำตลาดได้เริ่มสงครามราคารอบใหม่ โดยการลดราคาหลายรุ่น ส่งผลให้หุ้นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าท้องรายร่วงลง รวมถึงมีแบรนด์ที่สู้ต่อไม่ไหว ต้องล้มละลายไปก็มีอย่างเช่นรายล่าสุดอย่าง เนต้า (Neta)
ล่าสุด รัฐบาลจีน ส่งสัญญาณว่าต้องการจะ หยุดสงครามราคาในตลาดรถอีวี โดยหวังจะสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมการแข่งขัน และการป้องกันการทำลายตัวเองของอุตสาหกรรม โดยได้ออกคำเตือน และกำหนดให้ค่ายรถต่าง ๆ ต้อง ชำระหนี้ซัพพลายเออร์ภายใน 60 วัน หลังจากพบว่า อุตสาหกรรมรถอีวีกำลังเผชิญกับสถานการณ์ เงินทุนหมุนเวียนติดลบทำให้ซัพพลายเออร์ต้องแบกหนี้ค้างชำระนานกว่า 200 วัน
"การนำเสนอข้อตกลงการชำระเงิน 60 วัน คือการเรียกร้องของรัฐบาลที่จะต่อต้านการแข่งขันแบบไม่สร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงของสถานการณ์แบบ Evergrande" Cui Dongshu เลขาธิการของสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจีน กล่าว
นับตั้งแต่สงครามราคารถอีวีในจีนเข้าสู่ปีที่ 4 โดยมีเบอร์ 1 ของตลาดอย่าง บีวายดี (BYD)เป็นผู้ริเริ่ม โดยเฉพาะครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ BYD ลดราคารถยนต์มากกว่า 20 รุ่นส่งผลให้หุ้นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ร่วงลง ขณะที่ยอดขายของบีวายดีโตขึ้น+31% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 2.1 ล้านคัน
แน่นอนว่าการทำสงครามราคา ทำให้กำไรของบีวายดีลดลง ซึ่งบริษัทก็แก้ไขด้วยการ ทำกำไรจากต่างประเทศโดยในช่วงครึ่งปีแรก บีวายดีทำยอดขายในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เป็น 464,000 คัน
ด้าน เหว่ย เจียนจุน ประธานกรรมการบริหารของ Great Wall Motors ได้ออกมาโจมตีว่า บีวายดีที่ทำสงครามราคา อาจทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนเป็นเหมือนกรณี Evergrandeยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์จีนที่การล่มสลาย ส่งผลให้ทั้งอุตสาหกรรมเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งยังไม่ฟื้นตัว
"Evergrande ในอุตสาหกรรมรถยนต์มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ระเบิดเท่านั้น"เหว่ย เจียนจุน กล่าว
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่ดุเดือดในประเทศจีนไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก เนื่องจากราคาที่ถูกลงของรถยนต์ไฟฟ้าจีนทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอื่น ๆ ต้องปรับกลยุทธ์และลดต้นทุนการผลิต
การที่รัฐบาลสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกำหนดภาษีนำเข้าสูงต่อรถยนต์ไฟฟ้าจีนแสดงให้เห็นถึงความกังวลต่อการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตจีนยังคงมีแผนการขยายตลาดในภูมิภาคอื่น ๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาใต้ และแอฟริกา
Source